เปียโน

เปียโนมือสอง



<<<          >>>

เปียโนมือสอง
เปียโนมือสอง
เปียโนมือสอง

หน้าหลักเปียโนมือสอง
หน้ารองเปียโนมือสอง
หน้าย่อยเปียโนมือสอง
หน้ารายการเปียโนมือสอง

โครงสร้างของเปียโน      เปียโนราคาถูก      การเลือกซื้อเปียโนมือสอง      การเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้า      วิธีการดูแลรักษาเปียโน      การเคลื่อนย้ายเปียโน

การเลือกซื้ออิเลคโทน *Update File (10/01/61)* ***ความแตกต่างระหว่างอิเลคโทนกับโพสต้าโทน***
ประวัติความเป็นมาย่อๆของเครื่องดนตรีชนิดนี้

              อิเลคโทน, อิเลคโทนิคออแกน, ดิจิตอลออแกนคือเครื่องดนตรีที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบเสียงเครื่องดนตรีจริงโดยยุคแรกๆสร้างขึ้นเลียนแบบเสียงคีร์บอร์ดออแกนที่ใช้เบาะลมอัดลมเข้าไปในท่อ (Pipe) แล้วกดที่คีร์จะเกิดเสียงออแกนที่ไพเราะในสใตย์ที่โดดเด่นเป็นของมันเองซึ่งในปัจจุบันเครื่องดนตรีออแกนแท้ๆที่ยังคงเหลืออยู่นั่นก็คือ Pipe Organ ในโบสถ์ศาสนาคริสต์นั่นเองคือมีทั้งชั้น Upper Keyboard, Lower Keyboard และ Pedal (ชุดที่เหยียบด้วยเท้า)เนื่องจาก Pipe Organ จริงๆในโบสถ์คริสต์มีขนาดใหญ่มากมีจำนวน Keyboard 4-5 ชั้นแต่ละชั้นมีแป้นคีร์ที่กดประมาณ 5 Octave หรือ = 12 x 5 = 60 + อีก 1 คีร์ = 61 คีร์เลยมีการสร้างอิเลคโทนิคออแกนขึ้นมาเพื่อให้มีขนาดกระทัดรัดขึ้นคือเหลือจำนวน Keyboard 2-3 ชั้นเท่านั้น.

              ในยุคแรกๆของอิเลคโทน(ชื่อนี้ตั้งขึ้นโดยบริษัทยามาฮ่าเริ่มผลิตหลังแรกรุ่น D-1 ตั้งแต่ปี 1959) ยังไม่มีเสียงอะไรมากนักนอกจากเสียงออแกนเป็นหลัก,ไม่มีต้องปรับอะไรยุ่งยากไม่มีลูกเล่นหรือจังหวะมากมายเหมือนสมัยนี้ ผู้เล่นในยุคนั้นต้องใช้ฝีมือล้วนๆในการเล่นเพลงยกไปไหนมาไหนสะดวก(ในรุ่นเล็กๆ)ไปเล่นกับวงดนตรีได้อย่างสบายๆในสไตย์ Solo แบบออแกนและนิยมเอาไปใช้ในโบสถ์ศาสนาคริสต์อีกด้วย.

              ต่อมาอิเลคโทน,อิเลคโทนิคออแกนได้พัฒนามากขึ้นมีหลายยี้ห้อได้แก่ Hammond, Yamaha, Kawai, Casio, Technic, Roland ตั้งแต่ยี้ห้อยามาฮ่าไล่ขึ้นมาได้มีการเพิ่มจังหวะเข้าไปด้วยในยุคแรกๆพอฟังได้แต่เริ่มมีเสียงสังเคราะห์อื่นๆเพิ่มมากขึ้นเช่นเสียง String, Trumpet, Sax, Flute, Piano, Brass, Wha Wha เป็นต้นมาผสมแต่ก็ยังใช้เสียงออแกนอยู่ดี ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างกันไปเช่นของ Hammond ชุดปรับเสียงออแกนจะทั้งแบบแบบคานโยก 3 จังหวะและแบบแกนชักเข้า-ออก ส่วนของ Yamaha ชุดออแกนจะเป็นแบบคันโยกสไลด์ขั้นลง 3 จังหวะ ส่วนของ Kawai ชุดออแกนจะเป็นแบบแกนชักเข้า-ออกอย่างเดียวเป็นต้นส่วนเอฟเฟ็คอื่นๆไม่ทิ้งกันเท่าไร

              ของยามาฮ่าอิเลคโทนในรุ่นใหญ่จะมีระบบ Sequnce เข้ามาบางแล้วแต่ยังทำได้แค่โปรแกรมจังหวะล่วงหน้าเท่านั้น ในยุคนั้นอิเลคโทนตระกูล A,B,C,D,E เลข Serial สามตัวที่ฮือฮ่าในวงการดนตรีอิเลคโทนคือนั่นรุ่น C-605 ได้มีผู้นำเข้าห้องอัดเสียงบันทึกเพลงลูกทุ่งและไทยเดิมจนเทปขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนได้เข้ามาสู่วงการแล้วรุ่นนี้คุณเชื่อไม๊?ว่าปัจจุบันนี้โรงแรมบางแห่งในกรุงเทพยังเก็บรุ่นนี้ไว้ใช้งานอยู่เลยเพราะเสียงจังหวะ Rumba และ Mambo อันแสนไพเราะของมันไม่มีเครื่องดนตรีอิเลคโทนิคใดเรียนแบบได้ นักร้องรุ่นแย้มฝาโลงต่างก็มาร้องเพลงกับเครื่องรุ่นนี้เห็นบอกว่ามันเหมือนในเทปอ่ะ...ฮ่าาา...ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า..ฮ่า...

              หลังจากอิเลคโทนรุ่น C-605 ได้สร้างความสำเร็จในวงการเพลงลูกทุ่งและไทยเดิมทำให้อิเลคโทนของยามาฮ่าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ซึ่งต่อมายามาฮ่าได้ผลิตรุ่นใหม่ออกมาอีกตระกูลนี้ชื่อว่า "FAM" ตระกูลนี้ยังมีรูปลักษณ์เหมือนรุ่นที่ผ่านมาคือเป็นตู้ไม้ปิดหมดทั้งหน้าหลังสีสรรสวยงามมากฝาเปิด-ปิดเครื่องยังเป็นแบบสไลด์เข้า-ออกเหมือนเดิมแต่เริ่มเปลี่ยน Panel (แผงหน้าเครื่อง)เป็นแบบกดปุ่มและ Volume เป็นแบบสไลด์ขึ้น-ลงรุ่นเล็กรหัส FC-10, FE-20 ในชั้น Upper และ Lower keyboard รู้สึกว่าจะมี 3 Octave ครึ่งและชุด Pedal มี 1 Octave รุ่นขนาดกลางรหัส FS-20,30,50 ในชั้น Upper และ Lower keyboard รู้สึกว่าจะมี 4 Octave และชุด Pedal มี 1 Octave และรุ่นใหญ่รหัส FS-70, FX-10,20, FX-1 จะมีชั้น Keyboard เสริมพิเศษมาอีกชั้นนึงรู้สึกว่าจะมี 3 Octave ลักษณะ key จะเล็กและสั้นกว่าชั้น Upper Lower ชั้นนี้มีไว้เล่น Solo ส่วนชุด Pedal จะเป็นแบบ Full Bass 2 Octave

              รุ่นนี้ตั้งแต่ FS-50 ขึ้นไป Volume สามารถเลื่อนขึ้น-ลงเองได้ตามที่เซ็ท Registration ไว้ล่วงหน้า(เล่นตอนกลางคืนเวลากดปุ่ม Registration ชุด Volume มันจะเลื่อนขึ้น-ลงเองคิดว่าผีหลอก)ในรุ่น FS-50, FS-70, FX-10, 20 และ FX-1 จะมีแผงไฟส่องสว่าง Panel ในตอนกลางคืนเปิดสวิทไฟออกมามันชั่งได้บรรยากาศที่โรแมนติกที่สุดเลยส่วน Expression (ที่เหยียบปรับดัง-เบาโดยใช้เท้าขวา)ทุกรุ่นมีอันเดียวมี FootSwitch (ชุดควบคุมจังหวะ)อยู่ทางด้านซ้ายเท่านั้น ตระกูลนี้พัฒนาให้มีทั้งระบบ Sequnce (เซ็ทจังหวะล่วงหน้าได้),มี Registration (เซ็ทเสียงล่วงหน้าได้)และเริ่มมีระบบเก็บข้อมูลลง Registration Pack RP-1รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่ยามาฮ่าสร้างขึ้นในรูปลักษณ์แบบตู้ไม้ปิดไม่เห็นขาผู้เล่นเวลาหันหน้าเข้าหาคนดู อิเลคโทนทุกรุ่นตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงตระกูล FAM ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เล่นเพลงได้อย่างดีแต่จังหวะยังตายตัวไม่สามารถสร้างจังหวะขึ้นมาใหม่ได้ ไม่สามารถเล่นเพลงที่มี Time Signature (อัตราส่วนจังหวะ)5/4 หรือเล่น 2/4 ระหว่างกลางเพลงที่เป็น 4/4 ได้รวมทั้งอะไหล่ก็เริ่มไม่มีจะใช้ซ่อมแล้วหากเกิดเสียขึ้นมาจึงไม่แนะนำให้เลือกซื้อครับ.

              ***** รุ่น FX-1 เป็นอิเลคโทนรุ่นใหญ่สุดของตระกูลนี้ (International Model) เป็นรุ่นที่ยามาฮ่าออกแบบมาได้สวยงามมากกกก....สวยจริงๆครับใครเห็นแล้วไม่อยากเล่นไม่มีครับ แต่ราคานี่ซิ! โอ้โหครบชุดล้านหกอ่ะครับ พวกเครื่องระดับอินเตอร์นอกจากจะสั่งมาเพื่อขายแล้วก็จะสั่งมาเพื่อใช้ซ้อมแข่งอิเลคโทนระดับเอเซียและระดับโลกครับ ฉะนั้นถ้าใครไม่มีตังค์ซื้อแต่เป็นแชมป์จะไปแข่งอิเลคโทนต่อระดับเอเซียถึงจะได้เล่นครับ ตอนนั้นผู้เขียนได้แค่รองแชมป์เลยได้แต่มองเครื่องนี้ตาปริบๆครับไม่มีโอกาสได้เล่นครับ แต่ก็อย่างที่บอกอะครับว่าเครื่องตระกูลนี้เล่นเพลงได้อย่างดีแต่จังหวะยังตายตัวไม่สามารถสร้างจังหวะขึ้นมาใหม่ได้ ไม่สามารถเล่นเพลงที่มี Time Signature (อัตราส่วนจังหวะ)5/4 หรือเล่น 2/4 ระหว่างกลางเพลงที่เป็น 4/4 ได้รวมทั้งอะไหล่ก็เริ่มไม่มีจะใช้ซ่อมแล้วหากเกิดเสียขึ้นมาจึงไม่แนะนำให้เลือกซื้อครับ.*****

              อิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูลต่อมาเป็นรุ่น ME Series ตระกูลนี้ยังมีรูปลักษณ์เหมือนรุ่น FAM ทุกอย่างแต่ Panel เริ่มเปลี่ยนจาก Volume ที่เป็นแบบสไลด์ขึ้น-ลงเป็นแบบ Switch เล็กๆเรียงกัน 5 ระดับเริ่มมีระบบ Multi Menu (ลูกกลิ้งที่เก็บรายการโปรแกรมต่างๆ) โดยมีปุ่ม Data Control เป็นตัวควบคุมมี Upper,Lower Keybord มีอย่างละ 3 Octave ครึ่งมี Pedal 1 Octave ในตระกูล ME Series นี้เริ่มมีระบบ MIDI มาตรฐานสำหรับต่อเข้าสัญญานเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วนะครับ รุ่น ME Series มีนำเข้ามาน้อยมากรู้สึกว่าจะเห็นอยู่ 1 รุ่นคือ ME-100, 200 และ 300 ตระกูลนี้เริ่มมีระบบโปรแกรม Chord ,โปรแกรม Registration และโปรแกรม Rhythm ล่วงหน้าได้หลังจากโปรแกรมระบบต่างๆเรียบร้อยแล้วเวลาจะเล่นต้องเลือก Mode ซะก่อนว่าจะเล่นแบบ Automatic (Chord A.B.C)หรือแบบ Manual ไม่งั้นระบบจะไม่ทำงานครับ ตระกูลนี้ระบบจัดเก็บข้อมูลเปลี่ยนจาก Registration Pack RP-1 เป็น Ram Pack RP-3 ที่มีขนาดกระทัดรัดขึ้นแต่จังหวะยังตายตัวไม่สามารถสร้างจังหวะขึ้นมาใหม่ได้ ไม่สามารถเล่นเพลงที่มี Time Signature (อัตราส่วนจังหวะ)5/4 หรือเล่น 2/4 ระหว่าง กลางเพลงที่เป็น 4/4 ได้อยู่ดีเหมาะใช้เรียนดนตรีในระดับเริ่มต้นเท่านั้น.

              อิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูลต่อมาเป็นรุ่น HS Series ได้ฉายาว่า "A Legend Reborn" ตระกูลนี้ยามาฮ่าพัฒนาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่หมดทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่เพรียวนั้นตัวบอดี้ที่เคยเป็นตู้ปิดตอนนี้เปิดออกเป็นช่องโล่งเห็นขาของผู้เล่น ฝาเปิด-ปิดเป็นกระจกแบบยกขึ้น-ลง Panel เป็บแบบกดปุ่มและ Volume เป็นแบบ Switch เล็กๆเรียงกัน 7 ระดับมีระบบ Multi Menu (ลูกกลิ้งที่เก็บรายการโปรแกรมต่างๆ) โดยมีปุ่ม Data Control เป็นตัวควบคุมเหมือนรุ่น ME Series แต่ชุดจะยาวกว่าในส่วน Upper,Lower Keybord มีอย่างละ 4 Octave และ Pedal มี 20 โน๊ตหรือ 1 Octave ครึ่ง มี Expression เพิ่มเป็น 2 ตัว Expression ด้านขวามี FootSwitch ทั้งซ้าย,ขวา ส่วน Expression ที่เพิ่มขึ้นมาทำหน้าเป็น Pitch Band มี Registration เพิ่มขึ้นเป็นจาก 8 เบอร์เป็น 16 เบอร์ (เฉพาะรุ่น HS-8) ส่วนในรุ่น Inter คือรุ่น HX-1 ชุด Upper,Lower Keybord มีอย่างละ 5 Octave ชุด Pedal ยังคงเป็นแบบ Full Bass เหมือนเดิม(เฉพาะ HX-1 ระบบ Sequnce เป็นแบบ Mode Select เหมือน ME-Series)

              ในตระกูล HS Series นี้ในรุ่นเล็กจะเริ่มจาก HC-1,2,3,4 HE-3,4,6 ในเมืองไทยนำเข้ามาแค่ HC-2, HE-3,4 มีระบบ MIDI มาตรฐานสำหรับต่อเข้าสัญญานเข้ากับคอมพิวเตอร์เหมือนรุ่น ME Series ฉะนั้นรุ่น HS Series นี้ถือว่าเป็นรูปลักษณ์แม่แบบของอิเลคโทนรุ่น Top ใหม่ๆมาจนถึงปัจจุบัน รุ่นนี้พัฒนาระบบเสียงขึ้นมาอีกขั้นคือใช้แบบ FM (Frequency Modulation) และมีระบบเสียงแบบใหม่(มีเฉพาะรุ่น HS-8)คือ AWM (Advanced Wave Memory) อยู่ด้วยเพราะฉะนั้นเสียงออแกนตั้งแต่ตระกูลนี้จนถึงปัจจุบันจึงไพเราะมากๆตระกูล HS Series นี้ถือว่าเป็นรุ่นที่มีเทคนิคลูกเล่นแพรวพราวที่สุดตั้งแต่ยามาฮ่าเริ่มสร้างอิเลคโทนมาเลยก็ว่าได้คือสามารถสร้างกลองจังหวะใหม่ๆขึ้นมาได้,สร้าง Accompaniment แบบ Rhythmic Chord(ตีคอร์ดแบบกีตาร์)ใหม่ๆได้,สามารถตั้ง Sequnce ล่วงหน้าได้มากมายทั้งโปรแกรมจังหวะล่วงหน้า,อัด Chord ล่วงหน้า,ตั้งเปลี่ยน Registration ล่วงหน้า,โชว์ชื่อ Chord ระหว่างการเล่นเพลงและยังสามารถอัดเพลงทิ้งไว้ในเครื่องแบบแยก Track อัดได้อีก 1 เพลงอีกด้วยยิ่งต่อกับ MDR-3 (Music Disk Recorder เป็น Option เสริมแยกซื้อต่างหาก)สามารถอัด Tack เพิ่มได้อีกก็คือชุด Accompaniment คือสามารถเป็นตัวโน้ต(Melody Line)ออกมาได้เลยแถมหวดกลองที่ Lower Keyboard อัดเพิ่มได้อีก Track นึง

              ตระกูลนี้มีระบบเก็บข้อมูลแบบ Ram Pack RP-3 และในรุ่น HX-1 ใช้ Ram Pack RP-5 รุ่น HS Series นี้ถ้าไม่ได้เอาไปเล่นพวกเพลงในสไตย์ Symphony Orchetra ถือว่าน่าซื้อใช้เป็นอย่างยิ่งเมื่อก่อนราคาเกือบ 2 แสนเดี๋ยวนี้ถ้าแบบพังๆคงไม่กี่ตังค์แต่ถ้าแบบเล่นได้ดีๆก็ต้องมีราคาหน่อยจากประสบการณ์ที่เจอมาเครื่องราคาถูกๆมักมาจากตามห้องเรียน คิดดูว่าแย่ขนาดไหนเพราะวันๆเจอตั้งหลายมือหลายเท้าเด็กน.รเข้ามาซ่อมกระทืบกันแทบทุกวันเป็นเดือนๆเป็นปีๆพังแล้วพังอีกซ่อมแล้วซ่อมอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ส่วนเครื่องมือสองดีๆต้องให้มืออาชีพคัดเลือกให้ครับได้มารับรองคุ้มค่าจริงๆไม่ผิดหวังแน่นอนสนใจโทรมาสั่งได้เลยนะครับ.

              ***** รุ่น HX-1 เป็นอิเลคโทนที่ผู้เขียนใช้แข่งขันชิงแชมป์เอเซียที่ประเทศอินโดนิเซียเมื่อปี 1990 เป็นรุ่นใหญ่สุดของตระกูลนี้ (International Model) ระบบ Sequnce จะ Run เป็นแบบ Mode Select หมายถึงเมื่อเซ็ท Sequnce เสร็จแล้วต้องเลือก Mode ที่จะเล่นว่าจะเป็นแบบ Automatic (Chord A.B.C)หรือ Manual (ใช้เท้าเหยียบเบสเอง)มิฉะนั้นจะเล่นเพลงไม่ได้ซึ่งรุ่นที่ใช่ระบบ Sequnce แบบนี้เหมือนกันก็คือรุ่น ME-200 และ ME-300 แปลกดีเหมือนกันนะครับเครื่องรุ่นใหญ่ท๊อปสุด International แต่กลับ Run ระบบ Sequnce แบบเครื่องรุ่นเล็กสุด รุ่น HX-1 ถือว่าเป็นรุ่นที่มีรูปโฉมโดดเด่นไม่เหมือนใครที่สุดในรุ่น International ทั้งหมดของยามาฮ่าเลยก็ว่าได้เพราะบอดี้จะไม่ตั้งฉากกับพื้นแต่จะเป็นทรงสโร๊ปขึ้นไปฐานล่างกว้างกว่าส่วนบนสีตัวเครื่องจะเป็นสีเทาเข้ม เป็นอิเลคโทนรุ่นเดียวที่ยามาฮ่าสร้างขึ้นมาแล้วปรับยากที่สุดเพราะระบบแตกต่างจากรุ่น HS Series โดยสิ้นเชิงไม่ใช้ลูกกลิ้ง Multi Menu ไม่ใช้ปุ่ม Data Control มากมายแต่มี Multi Menu แบบใหม่ที่ใช้ปุ่ม ENTER, MENU SELECT(Cursor), CE, YES, NO, QUIT, ชุด SUB DATA CONTROL เป็นตัวปรับแทนอะไรอย่างงี้เป็นต้น.

              ปกติแล้วอิเลคโทนรุ่นอื่นๆถ้าไม่มีคู่มือเรายังมั่วๆกดศึกษาหาทางปรับเองได้ แต่ถ้ามาเจอรุ่นนี้ไม่มีคู่มือมาอ่านละก็....เฮอะๆรับรองมั่วหาให้ตายก็ไม่สามารถปรับหรือเล่นมันให้ได้ดั่งใจได้เลย ถือว่าเป็นรุ่นที่ออกแบบมาการใช้งานซับซ้อนมากที่สุด แล้ว Pack ก็ไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่น HS ได้อีกด้วยและก็เป็นรุ่นเดียวที่ยามาฮ่าผลิตออกมาแล้วมีปุ่ม Enter, ปุ่ม Cursor ที่อยู่ในชุด MENU SELECTปรับทั้ง Up, Down, Left, Right เหมือนเครื่องคอมด์พิวเตอร์ผู้เขียนเห็นทีแรกถึงกับอึ้ง!กิมกี่ไปเลยอ่ะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะใช้เป็นทันเวลาแข่งไม๊เนี่ย?มีเวลาศึกษาแค่ 2 เดือนเอง พูดง่ายๆจะเล่นเพลงกับเครื่องนี้ต้องเซ็ทโปรแกรมใหม่กับตัวมันอย่างเดียวเท่านั้นเซ็ทเสร็จแล้วเอาโปรแกรมไปใช้กับรุ่นไหนก็ไม่ได้ แต่รุ่น HX-1 นี้ระบบเสียงสุดยอดกว่ารุ่น HS มากมีเสียงมากกว่า,มี Effects มากกว่า,มี Chord Acc.มากกว่าทั้ง Rhythmic และ Melodic Chord เหมือนรุ่น Fam,มี Keyboard Percussion มากกว่าและยังสามารถ Assist ไปไว้ใน Keyboard หรือ Bass ตัวไหนก็ได้และอื่นๆอีกมากมายระบบการเก็บข้อมูลผ่าน PACK RP-5 สามารถเก็บ Bulk Dump Dataได้มากถึง 4 Bank เก็บ Regist ได้เท่ากับ 16x4 = 64 Regist เลยทีเดียวแถมรุ่นนี้ยังมีระบบเซ็ท MIDI ปิดเสียง Lead ปิด Rhythm ไม่ให้คนอื่นเล่นถ้าไม่รู้จักวิธีเคลียร์ระบบเครื่องรับรองเลิกเล่นไปเลยครับ

              สมัยที่ผู้เขียนต้องใช้เครื่องรุ่นนี้แข่งอิเลคโทนรอบชิงชนะเลิศไม่มีใครช่วยสอนปรับเครื่องรุ่นนี้ให้เลย ผู้เขียนต้องช่วยตัวเองอ่านคู่มือศึกษาเองและต้องแข่งกับเวลาอีกด้วยกว่าจะเข้าใจปาเข้าไปเป็นเดือน ในขณะเดียวกันคู่แข่งนอกจากจะมั่วหาปรับกันเองแล้วถึงกับก็เอาพวกโปรดิ๊วเซอร์,พวกโปรแกรมเมอร์,พวกเซียนในการปรับเครื่องดนตรีทั้งหลายมารุมมะตุ้มปรับเครื่องนี้กันเจ้าละหวั่น สุดท้ายเดินหน้าละห้อยมาถามผู้เขียนว่า"พี่ครับทำไงดีครับเซ็ท Sequnce เสร็จแล้วเปิด Run ออกมาเหยียบเบสไม่มีเสียงง่ะช่วยบอกวิธีหน่อยครับ" ผู้เขียนเห็นว่าเขาเป็นคู่แข่งเรา ถ้าเราไม่บอกวิธีเดี๋ยวเล่นแพ้ไปจะหาว่าแพ้แต่วิธีการใช้เครื่องก็เลยบอกไปว่า"ระบบ Sequnce มัน Run เหมือน ME-200, ME-300 อ่ะ" แค่นี้พวกคู่แข่งก็อ๋อเลย ฉะนั้นตอนแข่งขันชิงแชมป์ในประเทศก็สู้กันด้วยฝีมืออย่างเติมที่แล้วชมการแข่งขันอิเลคโทนในวันนั้นได้เลยอย่างเด็ดขาดสมศักดิ์ศรีได้เป็นตัวแทนไปแข่งอิเลคโทนชิงแชมป์เอเซียต่อที่ประเทศอินโดนิเซียแล้วก็ได้รางวัล "OUTSTANDING PERFORMERS" กลับมาอีกด้วยครับ.

              ซึ่งมีแชมป์อิเลคโทนประเทศไทยน้อยคนนักที่จะได้รางวัลระดับเอเซียจากต่างประเทศกลับมา ส่วนใหญ่ตอนจะไปหนะดังตอนกลับมาเงียบครับ ต้องมาจัดแข่งระดับเอเซียในประเทศไทยถึงจะได้รางวัล...เฮอะๆ!สำหรับผู้เขียนถ้าได้คงไม่ภูมิใจซักเท่าไร ปีนั้นเป็นปีที่ผู้เขียนส่งน.รเข้าแข่งขันในรุ่นเล็กและรุ่นกลางด้วยทั้งครูและลูกศิษย์แข่งขันบนเวทีเดียวกันแต่คนละรุ่นเท่านั้น ไม่มีครูคนไหนเขากล้าทำกันแบบนี้หรอกครับถ้าไม่แน่จริง แต่นี่ผู้เขียนแสดงให้ลูกศิษย์ดูว่านักอิเลคโทนที่สุดยอดในเมืองไทยเขาเล่นกันอย่างไง รุ่น HX-1 นี้ตอนนี้มีผู้เขียนรู้วิธีปรับได้คนเดียวเท่านั้นราคาเครื่องใหม่อยู่ที่ล้านกว่าบาทแต่เดี๋ยวนี้ถ้าสภาพดีๆผมหาให้ไม่แพงครับ.*****

              อิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูลต่อมาเป็นรุ่น EL Series ตระกูลนี้ฉายาว่า "The New Yamaha EL-Series Line Up" รูปลักษณ์เหมือนรุ่น HS Series ทุกประการแต่ปรับรูปแบบของ Multi Menu จากลูกกลิ้งรายเป็นแบบ Data Page ปรับขนาดหน้าจอ LCD ให้ใหญ่ขึ้นแล้วย้ายปุ่ม Data Control มาเรียงไว้ใต้หน้าจอ LCD ตระกูลนี้ยามาฮ่าเน้นพัฒนาระบบเสียงให้ดีขึ้นคือเอาระบบเสียงแบบ FM (Frequency Modulation) และ AWM (Advanced Wave Memory) ผสมกันซะเลยแล้วเพิ่มการปรับแต่งให้เสียงมีมิติที่กว้างขึ้นนั่นคือมีระบบ Feet แยกเสียงให้มีระดับที่ต่างกันบน keyboard ตัวเดียวกันคือกด 1 เสียงได้ระดับสูง-กลาง-ต่ำเบ็ดเสร็จเลยทำให้สามารถเล่นเพลงในสไตย์ Symphony Orchetra เป็น Soundtack หนังฮอลิวู้ดได้อย่างสบายๆรุ่น EL Series มีเครื่อง MDR ติดอยู่ที่เครื่องมีระบบเก็บข้อมูลใส่แผ่น Floppy Disk แต่ลูกเล่น Function ต่างๆถูกตัดออกเกือบหมดเหลือแต่ระบบสร้างกลองและ Sequnce โปรแกรมกลองได้ล่วงหน้าเท่านั้นแต่เราสามารถเซ็ทเปลี่ยน Registration ล่วงหน้าได้โดยการเล่นเพลงอัดเข้าเครื่องดีสไว้ก่อน ในรุ่น EL Series นี้มี 3 ตระกูลใหญ่คือยุคเลขท้าย 2 ตัวกับยุคเลขท้าย 3 ตัว ยุคเลขท้าย 2 ตัวมี 2 ยุคคือยุคแรกเลขท้ายตามด้วย "0" มีรุ่นดังต่อไปนี้คือ EL-3,EL-7,15,EL-25,40,60,70,EL-90 เป็นต้นรุ่นใหญ่สุดเป็นรุ่น ELX-1 ยุคที่สองเลขท้ายที่ตามด้วย "7" มีดังต่อไปนี้คือ EL-27,37,57,EL-87 ยุคที่สามเลขท้าย 3 ตัวมีดังต่อไปนี้คือ EL-100, 200, 500, 700, 900,

              รุ่นใหญ่สุดยังเป็นรุ่น ELX-1อยู่ รุ่นที่หน้าซื้อไว้เล่นก็คือรุ่น ELX-1,EL-90 กับ EL-87 ทั้ง 3 รุ่นนี้เป็นรุ่นตัวท๊อปหน้าตาเหมือนกันผิดกันที่รุ่น ELX-1มีเสียงมากกว่าจำนวนคีร์ที่ชั้น Upper,Lower มากกว่า Pedal เป็บแบบ Full Bass ส่วน EL-90 กับ 87 เหมือนกันต่างกันที่เครื่องเล่นดีสของ EL-87 สามารถก๊อปปี้ข้อมูลข้ามแผ่นได้ อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าตระกูลนี้คือ "The New Yamaha EL-Series Line Up" ฉะนั้นสเปคเครื่องจะแยกประเภทใหญ่ๆออกเป็น 4 Line คือ 1.รุ่นเล็กได้ชื่อว่า "Entry Level Model" ได้แก่รุ่น EL-3,7,15,25,100 เป็นต้น 2.รุ่นขนาดกลางชื่อว่า "Mid Line Model" ได้แก่รุ่น EL-27,200,37,40,400,60 เป็นต้น 3.รุ่นใหญ่ชื่อว่า "Top Line Model" ได้แก่รุ่น EL-57,500,87,70,90,700,ELX-1 เป็นต้น และ 4.รุ่นใหญ่พิเศษชื่อว่า "Super Top Line Model" ได้แก่ EL-900,900m,ELX-1m เป็นต้นรุ่นใหญ่พิเศษจะกล่าวในตอนต่อไปว่ามันเหนือกว่ารุ่นอื่นอย่างไร เมื่อก่อนรุ่น ELX-1 ราคา 550,000 บ.(ไม่รวมลำโพงคู่)ส่วน EL-90 ราคา 319,000 บาทและ EL-87 ราคา 245,000 บ.เดี๋ยวนี้ถ้าแบบพังๆคงไม่กี่ตังค์อีกตามเคยแต่ถ้าแบบเล่นได้ดีๆก็ต้องมีราคาหน่อยอีกเช่นกันจากประสบการณ์ที่เจอมาเครื่องราคาถูกๆมักมาจากตามห้องเรียนอีกตามเคยถ้าอยากได้เครื่องมือสองดีๆต้องให้มืออาชีพคัดเลือกให้ครับได้มารับรองไม่ผิดหวังแน่นอนสนใจโทรมาสั่งได้เลยนะครับ.

              ***** รุ่น ELX-1 และรุ่น ELX-1m เป็นอิเลคโทนรุ่นใหญ่สุดของตระกูลนี้ (International Model) เป็นรุ่นที่ยามาฮ่าออกแบบมาได้สวยงามมากกกก....เหมือนรุ่น FX-1 ครับในความรู้สึกของผู้เขียนตั้งแต่เห็นรุ่นระดับอินเตอร์มาหลายรุ่นก็มี 3 รุ่นนี้แหละที่สวยที่สุดซึ่งรุ่นอินเตอร์ที่ใหม่กว่าอย่าง ELS-01X (Pro Stagea)ยังสวยสู้ 3 รุ่นนี้ไม่ได้เลย ELX-1 เป็นรุ่นสุดยอดของ EL Series เลข 2 ตัวบอดี้พัฒนามาจากรุ่น HX-1 คือแผง Panal สามารถยกขึ้นลงได้มี Stand วางโน๊ตเสียบอยู่บนแผง Panal แต่พัฒนาบอดี้ให้เป็นแบบตรง 90 องศาและทำสีบอดี้และ Panal เป็น 2 Style คือแบบบอดี้สีขาวแผง Panal สีเขียวทองกับบอดี้สีดำแผง Panal สีแดงมีระบบเสียงและ Percussion รุ่นนี้พัฒนาต่อเนื่องจาก EL-90 เป็นรุ่นแรกที่เริ่มมีชุด Lead เพิ่มเป็น 2 ชุดโดยมี Tab Solo Bar เป็นตัวแยกเสียง Lead ให้สามารถสลับกันเล่นเป็นเสียงประสานได้เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ที่รุ่น ELX-1m ไม่มี ELX-1 คุณภาพเสียงสุดยอดมากครับสามารถ Assist Percussion ได้เหมือนรุ่น HX-1 และ ELX-1 เป็นรุ่นแม่แบบของ EL Series เลข 3 ตัวที่เอามาพัฒนาเติมระบบ GENERAL MIDI,XG ,พัฒนาระบบ MDR และอื่นๆเข้าไปเท่านั้นเอง ฉะนั้นถ้าไม่แคร์เรื่องระบบ MIDI, MDR, เสียง VA(Virtual Acoustic)และ Horizontal Touch ก็ถือว่า ELX-1 น่าซื้อใช้มากๆเพราะทุกอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆแถมตอนนี้ราคาถูกมากๆอีกด้วยจากราคาเฉพาะตัวเครื่อง 550,000 บ.ตอนนี้เหลือไม่เท่าไรสนใจโทรมามัดจำสั่งกันได้นะครับ ส่วนรุ่น ELX-1m จะกล่าวในตอนต่อไป.*****

              หมายเหตุ ก่อนอิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูล EL Series รุ่นเลข 3 ตัวจะมีรุ่นที่ออกมาก่อนคือรุ่น AR-100, AR-80 แต่เป็นรุ่นที่ Designed สำหรับส่งขายอเมริกากับและสหราชอาณาจักร(อังกฤษ)มีรูปลักษณ์คล้ายๆ EL Series + FAM คือเป็นตู้ปิดแต่มีชุดปุ่มปรับออแกนแยกออกมาข้างนอกต่างหากมี Registration Memu ฝังไว้ในเครื่องเลยไม่ใส่ไว้ในแผ่น Floppy Disk เหมือนรุ่น EL-Series ฉะนั้น AR-100, AR-80 ในเมืองไทยจึงไม่ได้นำเข้ามาจำหน่ายครับ.

              อิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูลต่อมาเป็นรุ่น EL Series รุ่นเลข 3 ตัวอย่างที่บอกไว้แล้วว่ารุ่นนี้มี 2 ตระกูลใหญ่คือยุคเลข 2 ตัวกับยุคเลข 3 ตัวซึ่งตระกูลรุ่นนี้เริ่มตั้งแต่
รุ่น EL-100,200,400,500,700,และ EL-900 รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่ยามาฮ่ายังคงใช้รูปลักษณ์โครงสร้างบอดี้ไม้อัดเหมือนแม่แบบเดิมคือ HS-8 รุ่นเลข 3 ตัวนี้สามารถสร้าง Accompaniment แบบ Rhythmic Chord(ตีคอร์ดแบบกีตาร์)ขึ้นใหม่ได้เหมือน HS-8 และได้พัฒนาระบบ MIDI ให้เป็นแบบ GENERAL MIDI,XG รุ่นนี้ตั้งแต่ EL-100 ขึ้นไปมีระบบเสียงและกลองเหมือน ELX-1 (เฉพาะ EL-100 ระบบ Sequnce เป็นแบบ Receive)ซึ่ง MDR ของตระกูลนี้สามารถเล่นแผ่น Floppy Disk กับเครื่อง EL Series ด้วยกันได้ทุกรุ่นมีระบบ Convert File เพลงให้เป็นระบบ XG เอาไปเปิดฟังที่คอมพิวเตอร์หรือเปียโนไฟฟ้าหรือเครื่องดนตรีอะไรก็ได้ที่ใช้ระบบ GENERAL MIDI,XG ได้หมดเฉพาะรุ่นตัวท๊อป EL-900 รุ่นใหญ่พิเศษ "Super Top Line Model"

              นอกจากจะมีระบบเสียงแบบ FM (Frequency Modulation) และมีระบบเสียง New AWM (Advanced Wave Memory) ผสมกันแล้วยังมีเทคโนโลยีระบบเสียงแบบใหม่คือ VA (Virtual Acoustic) เข้ามาอีกด้วยยังไม่พอยังมีระบบ Touching แบบใหม่คือ Horizontal Touch สามารถขยี้เสียงที่ Keyboad ได้เลยเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เครื่องรุ่นปัจจุบัน(ELS-01C)ก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน รุ่น EL-900และรุ่น EL-900m เป็นรุ่นถือว่าที่หน้าซื้อเก็บไว้มากที่สุดเพราะรุ่นนี้ยามาฮ่าผลิตมาได้ดีสุดยอดทั้งตัวเครื่องที่ทนทานทั้งมีระบบเสียงกระหึ่มด้วยระบบ Power Amplifiers ขนาด 216 W. เติมๆและเทคโนโลยีที่เล่นเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อก่อน EL-900 ราคาแพงกว่า EL-90 เป็นแสนเลยคือราคา 405,000 บาทเดี๋ยวนี้ถ้าแบบพังๆคงไม่เกินแสนถ้าแบบเล่นได้ดีๆก็ต้องราคาสูงกว่านี้จากประสบการณ์ที่เจอมาเครื่องราคาถูกๆมักมาจากตามห้องเรียนอีกตามเคยครับถ้าอยากได้เครื่องมือสองดีๆต้องให้มืออาชีพคัดเลือกให้ครับได้มารับรองคุ้มค่าจริงๆไม่ผิดหวังแน่นอนสนใจโทรมาสั่งได้เลยนะครับ.

              หมายเหตุ มีคนโทรมาถามเรื่องความแตกต่างระหว่าง EL-900 กับ EL-900m เยอะมากก็เลยเพิ่มเติมให้ 'm' ย่อมาจากคำว่า 'millennium' ก็คือ EL-900 นี่แหละเอามาใส่ชุด Update Kit (เป็น Board วงจรแผ่นเล็กๆ)เพิ่มเข้าไปทำให้เครื่องมีเสียงและ Function อื่นๆเพิ่มมาดังนี้1. ตอนเปิดเครื่องขึ้นมาโลโก้จะขึ้นอีกแบบนึง 2. มีเสียงเพิ่มขึ้นมาอีก 23 เสียง 3. หน้า Voice Display จากที่มีหน้าเดียวเป็น 3 หน้าในหน้าที่ 2 จะโชว์ทั้ง Tempo, Bar/Beat, Registraion Shift, M.D.R Operation ส่วนหน้าที่ 3 เป็นการเซ๊ทค่า Parameter ต่างๆ 4. ชุด Pedal จากที่เป็นแบบ Monophonic Mode สามารถเซ็ทให้เป็นแบบ Polyphonic Mode (เหยียบเบิ้ล 2 เท้าได้พร้อมกันอ่ะครับ) 5. สามารถ Edit ชุดเสียง VA Voice ได้ 6. มี Registration Shift Next Song+ คือตอนเปลี่ยนช่องเพลงสามารถเล่นเสียง User Voice ได้มากกว่า 16 เสียง 7. Disk Copy แบบ New Operation(Convenient Disk Copy Funtion)คือ Copy แผ่นดีสได้สะดวกขึ้น 8. มี Midi Out Filter เพื่อช่วยให้การต่อคอมพิวเตอร์จะได้ควบคุมได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าไม่มี Funtion ตัวนี้เวลากดที่คีร์เครื่องมันจะส่ง Data ทุกอย่างออกมาหมดทำให้เข้าไปตีกันอยู่ในเครื่องคอมด์จนรวนกันเละอัดที่ละ Part เปิดออกมาฟังไม่เข้ากันอะไรเงี่ยอ่ะครับ.

              ถ้าเจอเครื่อง EL-900m มือสองที่อยู่ในสภาพดีถือว่าสุดยอดที่สุดครับ แต่ที่ผู้เขียนเจอะเจอมาหลายต่อหลายเครื่อง(ตอนที่มีคนให้ไปทดสอบเพื่อฝากขาย)กับมีสภาพที่แย่กว่า EL-900 ธรรมดาซะอีกเพราะอะไรรู้ไม๊?.....เพราะเมื่อมีการ Update เครื่องให้มันดีขึ้นย่อมถูกใช้งานหนักขึ้นเป็นธรรมดา จากที่กระทืบเท้าเดียวเพิ่มเป็น 2 เท้าอะไรเงี่ยครับ ฮ่าาา....ฮ่าๆๆๆๆๆ ชุด Pedal เงี่ยพอผมทดสอบเหยียบลงไปมันทรุดแทบติดพื้นเลยอ่ะ บางอันหลวมเกือบจะจับหมุนได้เลยด้วยซ้ำ ยังไม่รวมถึงคีร์บอร์ดบน,ล่างที่กดกันจนมีรอยเล็บขึ้นลายพร้อยระบบ Touching เสียหายไปเกือบหมด ตั้งแต่ทดสอบ EL-900m มือสองที่มีคนมาฝากขายจนป่านนี้ยังไม่เจอเครื่องที่ผ่านการทดสอบเลยซักเครื่องเดียว มีแต่เครื่องช้ำๆน่วมๆใกล้พังทั้งนั้นเลยอ่ะครับ ใครหลงเชื่อพวกลิ้นหลายแฉกหลอกขายราคาถูกๆซวยเลยนะครับเจอค่าซ่อมแบะๆแค่ Mainboard กับหน้าจอ LCD เสียก็ปาเข้าไปเกือบ 7 หมื่นแล้วนะครับเลยค่าซื้อเครื่องไปแล้วล่ะ แล้วถ้าต้องเปลี่ยนคีร์บอร์ดทิ้งหมดทั้งบน,ล่าง+ ชุดเบสด้วยคิดดูมันจะคุ้มไม๊? ผมแนะนำให้นะ....ถ้าอยากได้ EL-900m ดีๆควรเลือกซื้อ EL-900 มือสองแบบสภาพแจ๋วๆก่อนแล้วค่อยถ้าทางซื้อชุด Update Kit มาใส่จะสุดยอดกว่านะครับจะหาจากที่ไหนคิดว่าคงไม่ยาก เพราะมันเป็นแค่แผ่น Board วงจรแผ่นเล็กๆเท่าฝ่ามือเท่านั้นเองติดตั้งเข้าไปในเครื่องง่ายมากเลยครับ อยากได้ EL-900 มือสองสภาพเยี่ยมโทรหาผมเดี๋ยวจัดให้.

              ***** รุ่น ELX-1m เป็นอิเลคโทนรุ่นใหญ่สุดของตระกูล EL Series เลข 3 ตัว (International Model) เป็นรุ่นที่ยามาฮ่าออกแบบมาได้สวยงามมากกกก....เหมือนรุ่น ELX-1 และรุ่น FX-1 ครับแต่พัฒนาบอดี้ให้แกร่งขึ้นโดยเสริมคิ้วด้านในของบอดี้เข้าไปอีกรุ่นนี้พัฒนาต่อเนื่องจาก EL-900m ฉะนั้น ELX-1m ก็คือการผสมผสานกันระหว่าง ELX-1 + EL-900m ฉะนั้นมันจึงเป็นสุดยอดของสุดยอดอิเลคโทนระดับโลกเลยอ่ะครับเช่น ชุด Lead ชุดที่ 2 เป็น VA(Virtual Acoustic)Voice ,Keyboard มี Touching 3 แบบทั้ง Initial/After/Horizon Touch, MIDI เป็นแบบ GENERAL MIDI,XG แถม MDR ยังมีระบบ Copy, Convert File และอะไรต่ออะไรอีกมากมายแต่น่าเสียดายตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยไม่ได้นำเข้ามาขายส่งสัยราคาคงจะเลย 2 ล้านมั๊ง? ฉะนั้นในเมืองไทยแค่ ELX-1, EL-90, EL-900, 900m ก็เพียงพอแล้วครับราคายังไง๊ยังไงก็ไม่ถึงสี่แสนเหมือนรุ่นใหม่ๆหรอกครับแต่ใช้แทนกันได้อย่างสบ๊ายยย....สบาย.*****

              หมายเหตุ เฉพาะ EL-100 ระบบ Sequnce เป็นแบบ Receive หมายถึง ตัวเครื่องสามารถรันระบบ Sequnce จากเครื่อง EL Series ทุกรุ่นได้แต่สร้างกลองและทำ Sequnce ด้วยตัวเองไม่ได้จึงเหมาะสำหรับการเรียนดนตรีในระดับต้นเท่านั้น.

              อิเลคโทนรุ่นใหม่ตระกูลล่าสุดที่ใช้ในปัจจุบันนี้(Stagea)ตระกูลนี้ได้ฉายาว่า "Creating 'KANDO' Together" ซึ่งผู้แทนจำหน่ายนำเข้ามาช่วงแรกมีแค่รุ่นเล็กสุดแล้วใหญ่สุดไปเลยมีให้เลือกแค่ 3 รุ่นคือ ELB-01(Stagea Mini), ELS-01 และ ELS-01C รุ่นนี้ยามาฮ่าเปลี่ยนแต่รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ในรุ่น ELB-01 บอดี้ไม้ด้านข้างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยนคางหมู(เท่ไปอีกแบบ)แผง Panal เป็นสีบรอนด์มีระบบเก็บข้อมูลแบบทรั๊มไดร์ฟ เป็นรุ่นที่พัฒนาจาก EL-100 ในหลายๆด้านทั้ง Registration Menu ที่เคยมีอยู่ 5 แบบก็มีให้เลือก 330 แบบ มีเสียงและแอฟเฟ็คมากขึ้น โดยเฉพาะหน้าปรับแอฟเฟ็คจากเดิมมี 3 หน้าเพิ่มเป็น 6 หน้า มี DATA CONTROL Dial (เหมือนกับพวกเครื่องดนตรีคีร์บอร์ด)เพิ่มขึ้นมา การปรับชุด Upper Keyboard Voice1/2 ง่ายขึ้น ในชุดให้จังหวะ(Rhythm)จากเดิมมี Intro แบบเดียวเพิ่มเป็น 3 แบบ จากที่มี Fil in แบบเดียวเพิ่มเป็น 4 แบบ(Main/Fill in) จากที่มี Ending แบบเดียวเพิ่มเป็น 3 แบบ ดูแล้วถือว่าเป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องดนตรีอิเลคโทนกับเครื่องดนตรีคีร์บอร์ดค่อนข้างชัดเจน แถมมีปุ่ม Break (มีใช้ในอิเลคโทน Series A,B,C,D, FAM และ Series HX)ให้อีกด้วย ในชุด M.D.R ตอบสนองการสั่งงานได้เร็วขึ้นแต่มันหน้าเบื่อตรงที่จุดที่สั่งงานมันถูกออกแบบการใช้ใหม่ต้องไปใช้ร่วมกับจุดที่ใช้ปรับเสียง แต่ถ้าคนที่ไม่เคยใช้ M.D.R ในรุ่น EL-Series มาก่อนคงไม่มีปัญหาอะไรมาก ผมถือว่า EL-100 กับ ELB-01 มันเป็นพี่น้องกันอ่ะครับ คนพี่ทำดังแล้วคนน้องก็มาพัฒนาต่อยอด ทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างบอดี้ที่เหมือนกันแป๊ะ, Expression กับ Pedal มี Size เท่ากันแป๊ะ ใครมีตังค์เหลือเฟื่อซื้อ ELB-01 ไปก็ดีครับ แต่ถ้าจะเซ็บหน่อยซื้อ EL-100 ไปแทนก็ไม่ขี้เหร่นะครับ ยิ่งตอนนี้เริ่มมีคนเอาELB-01มือสองมาฝากขายกันบ้างแล้ว ถ้าสนใจกิ๊งก๊างมาคุยกันได้นะครับ.

              หมายเหตุ ที่ไม่ได้กล่าวถึงรุ่น DDK ก็เพราะว่าผู้เขียนยังนั่งดูมันอยู่ว่ามันเป็นตัวอะไร? เป็นซินธิไซเซอร์หรือคีร์บอร์ดหรือเปียโนไฟฟ้าหรือออแกนหรืออิเลคโทนกันแน่ในความคิดเห็นยังระบุชนิดไม่ได้ ต้องกราบขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยงงจริงๆว่ะ ราคาตั้ง 2 แสนกว่าบาทเป็นผู้เขียนเอา EL-900 มือสองน่าใช้กว่าเยอะครับ เพราะดูแล้ว DDK ไม่มี Touching แบบ Horizontal Touch เหมือน EL-900.

              ส่วนรุ่นท๊อป ELS-01C, ELS-01CU บอดี้เป็นเฟรมโลหะ,เปลี่ยนสี Panal และปุ่มกดต่างๆใหม่เป็นสีบรอนด์หน้าจอ LCD เป็นแบบสีระบบ Touch Screen นอกนั้นก็ยังคงรูปลักษณ์เหมือนรุ่นแม่แบบ(HS-8)อยู่ดีนั่นคือจำนวน Keyboard บนชั้น Upper, Lower,Pedal เท่ากันมี Expression 2 ชุดมี Footswitch ซ้าย,ขวาเหมือนเดิมใครว่า HS-8 ตกรุ่นใช้เรียน-เล่นไม่ได้ลองดู Demon อิเลคโทนรุ่น HS-8 ที่ผู้เขียนได้เล่นไว้จะเห็นได้เลยว่าเครื่อง HS Series เล่นเพลงได้ดีขนาดไหน ในรุ่นตัวท๊อปคือรุ่น ELS-01Cและ ELS-01CU เอาเทคโนโลยีของ EL-900 มาใช้คือ Horizontal Touch แล้วเติมเสียงเข้าอีกเป็น 500 กว่าเสียงส่วนในชุดจังหวะและสไตย์ของ Accompaniment ของรุ่นนี้เรียกว่ามีแบบสำเร็จรูปมากมายที่สุดตั้งแต่ยามาฮ่าสร้างมาอิเลคโทนก็ว่าได้มีทั้งปุ่ม Intro-Ending(ปุ่มนี้เคยมีใช้กับรุ่น HS Series กับ EL Series) หลายแบบ,มีทั้งปุ่ม Break(มีใช้ในอิเลคโทน Series A,B,C,D, FAM และ Series HX),มีทั้ง Main/Fill In ที่เป็น Variationในตัว, มีทั้ง Registration Menu (สไตย์ทำนองสำเร็จรูป)ฝังไว้ในเครื่องเป็นร้อยๆแบบเลยแถมเพิ่มระบบ MIDI GS ของ Roland เข้าไปสามารถต่อ Internet Download สไตย์ในการเล่นเพลงในแบบต่างๆมาเติมได้อีกแต่ระบบ Power Amplifiers ลดลงเหลือแค่ร้อยกว่าวัตต์เท่านั้นน้อยกว่า EL-900 ครึ่งนึงราคาตอนนี้เกือบ 4 แสน ถามว่าดีไหม?ถ้ามีเงินก็ซื้อไปเถอะครับ แต่สำหรับผมชอบ EL-900 มากกว่า รุ่นนี้ไว้รอมันตกรุ่นค่อยซื้อครับ(ตอนนี้มือสองก็เริ่มมีขายแล้วนะครับติดต่อผมได้เลยอีกเหมือนกัน) เพราะเทคโนโลยีไม่ทิ้งกันเท่าไรเปลี่ยนแต่รูปทรงและวิธีการปรับเท่านั้น.

              ส่วนรุ่นท๊อปล่าสุดตอนนี้ ELS-02C ยังคงบอดี้เดิมแต่เปลี่ยนสีโครงเหล็กเป็นสีบอร์นเข้มไม้ที่แปะขอบเป็นสีงาช้างส่วน Panal และปุ่มกดต่างๆเป็นสีบรอนด์หน้าจอ LCD เป็นสีดำระบบ Touch Screen เหมือนเดิม แต่มีการ update เพิ่มเติม Registartion Menu เพิ่มแบบ x 2 คือพอกดปุ่มขึ้นมาจะมีจะมีหน้า page ให้เลือก 01 กับ 02 มีเสียงเพิ่มเติมอีกมากมายนับแล้วในชุดเสียง AWM (Advanced Wave Memory) มี 975 เสียง ใน VA (Virtual Acoustic) Voice มีอีก 94 เสียงและมีระบบเสียงแบบใหม่ขึ้นมาอีกเรียก Super Articulation Voice มีอีก 124 เสียงรวมแล้วเป็นพันเสียงเลยนะครับ เยอะจนกระทั่งต้องมีระบบ Voice Link เข้ามาช่วยในการหาเสียงที่ตั้งไปแล้วต้องการจะกลับมาแก้ไขใหม่จะได้หาได้ง่ายขึ้น ที่ชุด Rhythm Pattern Program ใน Desired Drum Kit ได้มีการเพิ่มเติมชุด Kit อีกหลายชุด(ขี้เกลียดนับแล้วว่ะ) แถมในชุด Registartion Memory ยังเพิ่มเติมจาก 16 เป็น 80 Registartion Memory โดยแบ่งออกเป็น Bank A-E ถือว่าเป็นรุ่นที่มีระบบใช้งานในการทำเพลงสุดยอดที่สุด แต่ก็ต้องรู้จักการตั้งและรู้วิธีการเล่นที่ถูกต้องด้วย มีคุณพ่อคุณแม่ของลูกศิษย์(ลูกศิษย์คนนี้ปัจจุบันเป็นครูสอนแล้ว)มาขอร้องมาจ้างให้ช่วยตั้งเพลงอยู่เพลงนึง ผู้เขียนใช้เวลาตั้งเซ็ทโปรแกรมเพลงนี้นานถึง 50 กว่าช.ม กว่าจะเสร็จรวมเวลาปาเข้าไปเดือนครึ่งลองฟังดูครับหรืออันนี้ก็ได้สุดยอดครับ ซื้อไปแล้วงงอะไรก็มาเรียนวิธีการใช้ได้ครับ ผู้เขียนเปิดสอนวิธีการใช้อยู่.

              หมายเหตุ เฉพาะ ELB-01 ระบบ Sequnce เหมือน EL-100 คือเป็นแบบ Receive หมายถึงตัวเครื่องสามารถรันระบบ Sequnce จากเครื่อง EL Series และ ELS ทุกรุ่นได้(EL Series Run ได้แต่ Edit ไม่ได้ต้อง Convert File ซะก่อน)แต่สร้างกลองและทำ Sequnce ด้วยตัวเองไม่ได้จึงเหมาะสำหรับการเรียนดนตรีในระดับต้นเท่านั้น.

              ถ้าจะสังเกตให้ดีๆ EL-100 กับ ELB-01 มีลักษณะที่ละม้ายคล้ายคลึงกันมากต่างกันที่สีบอดี้กับระบบเก็บ File ข้อมูลเท่านั้นเอง EL-100 เป็นแบบฟ๊อปปี้ดีส ELB-01 เป็นแบบทร๊มไดร์ฟ ส่วน ELB-01 อาจจะมีอะไรเพิ่มเติมมาบ้างแต่พื้นฐานมันก็มาจาก EL-100 อ่ะครับ ฉะนั้น File ข้อมูลมันจึง Convert ใช้ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหาส่วนแผ่นฟีอปปี้ดีสก็ยังมีขายกันอยู่เกลื่อนกลาดแผ่นละ 10 บ.เอง เรื่องคุณภาพเสียงรุ่น EL-100 ก็ดังกระหึ่มไม่ต่างจากรุ่น ELB-01 เพราะมันเป็นพี่น้องอ่ะครับ เพียงแต่รุ่น ELB-01 พัฒนาให้เสียงมันคมชัดเจนขึ้นเท่านั้นเอง แต่ราคาซิ? 2 รุ่นนี้ต่างกันเยอะเลย ถัามีตังค์ก็ซื้อ ELB-01 ไปเถอะครับ แต่สำหรับผมๆเลิอก EL-100 ดีกว่าทั้งราคาถูกและใช้งานง่ายกว่าโดยเฉพาะเรื่องการเก็บข้อมูลเพลงลงแผ่นดีสใช้งานสะดวกมากเพราะ M.D.R ของ EL-100 พัฒนามาถึงจุดสุดยอดแล้วทุกคำสั่งยิงตรงไปที่แผ่นดีสได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปกดปุ่มอื่นก่อน ใส่แผ่นฟ๊อปปี้ปั๊บกดปุ่ม Record ,กดปุ่ม Shift หรือกดปุ่มอื่นๆที่หน้าแผงควบคุมชุด M.D.R ใช้งานได้เลย.

              ไม่เหมือน ELB-01 ถ้าคนที่ไม่เคยใช้ M.D.R ของรุ่น EL-Series มาก่อนคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าคนที่เคยใช้ M.D.R มาสาระพัดรุ่น(ตั้งแต่ M.D.R-3โน้นอ่ะครับ)อย่างผมต้องมาปรับวิธีการใช้ใหม่ต้องกดปุ่ม M.D.R แล้วมากดเลือกปุ่ม A,B,C,D มากดปุ่ม PAGE ร่วมกับหมุน DATA CONTROL Dial เพื่อทำรายการแล้วค่อยมากดเลือกปุ่มที่หน้า M.D.R (ในกรณีที่อัดที่ละ Part)อีกทีกว่าจะอัดเพลงได้ยุ่งตายห่าว่ะ แต่คิดว่าถ้าใช้บ่อยๆก็คงปรับตัวไม่ยาก ฉะนั้นถ้าจะเลือกใช้ ELB-01 ก็ดีครับ หรือจะเป็น EL-100 ใช้เรียน, ใช้เล่นงานมืออาชีพก็ประหยัด สนใจเครื่องมือสองทั้ง 2 รุ่นนี้โทรหาผมครับ อย่าไปหาที่ไหนเพราะมีย้อมแมวเอาเครื่องถูกน้ำท่วมมาขายก็เยอะ เอาเครื่องที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักมาแหกตาขายก็เยอะ โม้กันบอกว่าเครื่องบ้านๆไม่รู้ใครกระทืบมาบ้างถ้าไม่ใช่เซียนจริงๆดูไม่ออกอ่ะครับ แต่สังเกตดีๆราคามันถูกผิดปกติต่อได้อีกเยอะครับ คิดดูของใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้หลังนึงราคาเกือบแสนเอามาขายกันไม่ถึง 2-3 หมื่นซื้อกันไม่รู้สึกเสียวววว...กันบ้างหรือ เครื่องผลิตที่อินโด.นะครับ ถ้าเลือกเครื่องมือสองไม่ดีเอาราคาถูกๆเป็นหลักมีหวังได้ซ่อมมากกว่าเล่นแน่ครับ นี่คือตัวอย่างเครื่องมือสองที่ผมเลือกมาครับ รุ่น EL-100, รุ่น ELB-01.

              ตั้งแต่ยามาฮ่าออกรุ่นใหม่ตั้งแต่ EL Series เรื่อยมาอิเลคโทนิคออร์แกนยี้ห้ออื่นๆที่อยู่ในประเทศไทยก็พากันสูญพันธ์ไปเกือบหมดที่เห็นมีเหลืออยู่ตอนนี้ก็คงมีแต่ยี้ห้อ Hammond เพราะเป็นอิเลคโทนิคออแกนระดับต้นๆของโลกที่มีเสียงออแกนไพเราะมากพวกนักดนตรีมืออาชีพดังๆจะใช้เล่นออก Concert ทั้งแบบ Small Band, Big Band (เล่นร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ)และ ใช้บันทึกเพลงในห้องอัดเสียงอีกด้วย อีกยี้ห้อหนึ่งก็คือยี้ห้อ Roland เสียงดีไปอีกแบบนึง ส่วนยามาฮ่าอิเลคโทนก็ดีไปอีกแบบนึง...ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้มันได้คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมาหรือเปล่าเท่านั้นเอง โดยเฉพาะของยามาฮ่าเนี่ยจำไว้เลยว่ารุ่นใหม่-เก่าไม่เกี่ยวเพราะตั้งแต่รุ่น HS Series เรื่อยมาอิเลคโทนเล่นเพลงได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้วมันอยู่ที่ฝีมือการเล่นและใช้เครื่องครับ.

              ใครที่เคยดูญี่ปุ่นมา Demon จะเห็นได้ว่าเครื่องอิเลคโทนทุกตระกูลเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทุกรุ่นเพราะเขาใช้เครื่องเป็นนี่คือหัวใจของการเล่นอิเลคโทนนะครับย้ำ"ปรับเป็น,รู้วิธีเล่น,รู้วิธีใช้เป็น"ทุกรุ่นมันเล่นได้ไพเราะหมดอ่ะครับ มีแต่พวกมันสมองน้อย,พวกครูด้อยปัญญาหรือแกล้งโง่ก็ไม่รู้บอกว่าเครื่องนี้มันรุ่นเก่าแล้ว,รุ่นนี้ตกรุ่นลงไปนานแล้วต้องรุ่นนั้นรุ่นนี้เท่านั้นถึงจะเล่นได้ใครอยากเชื่อจะไปเป็นเหยื่อให้เค้าฟันก็ตามใจ ใครที่ได้ดู Demon ยามาฮ่าอิเลคโทนรุ่น HS-8 ที่ผู้เขียนได้เล่นไว้จะเห็นได้เลยว่าเครื่อง HS Series เล่นเพลงได้ดีขนาดไหนผมฟันธงได้เลยว่าพวกครูด้อยปัญญาเหล่านั้นคงบ่ มิไก๊(ก็เลยบอกว่ามันตกรุ่น)เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องอำนวยความขี้เกียจมันเยอะครับเสียบทั๊มไดร์ฟเอย,ดาวโหลดมา Update เอยเลยเป็นง้อยทำเพลงเองไม่เป็นอย่าไปถือสาเลยนะครับ แต่ต้องไม่หลงเชื่อคำพูดเหล่านั้นเพราะความจริงที่ถูกต้องคือถ้าคุณรู้วิธีการใช้,รู้วิธีการปรับ,รู้วิธีการเล่นเครื่องยามาฮ่าอิเลคโทนเป็นซะอย่างรุ่นไหนก็เล่นได้ไพเราะทุกรุ่นอ่ะครับ...จำเอาไว้...

              ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนซึ่งเป็นทั้ง Demonstrator เป็นทั้งอาจารย์สอนอิเลคโทนจึงได้เปิดสอนหลักสูตรการใช้เครื่องอิเลคโทนเป็นคนแรกตั้งแต่ต้นปี 41 (ที่จริงเดินสายสอนวิธีการใช้เครื่องตามบ้านมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 30)โดยลงโฆษณาในหนังสือ Note&Chord เพราะเนื่องจากตอนนั้นร.รที่สอนอยู่ยังเป็นพวกกบในกระลาเอาแต่ยอดขายไม่สนใจเรื่องนี้ และก็ผู้เขียนอีกนั่นแหละที่ค้นคว้าพยายามหาวิธีเอาคอมพิวเตอร์มาต่อกับอิเลคโทนเหมือนกับที่ญี่ปุ่นเค้าทำแผ่นมาขายเราจนสำเร็จเป็นคนแรกในประเทศไทยอยากฟังไม๊!(ระบบ android)และ(ระบบ ios)และยังทำ Karaoke ได้อีกด้วย ปัจจุบันนี้ผมยังเปิดสอนวิธีการใช้เครื่องอิเลคโทนทุกรุ่นให้คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมา เรียนจบแล้วสามารถทำเพลงเอง,ทำโปรแกรมเครื่องเอง,เล่นเองโดยไม่ต้องไปง้อไปหาซื้อหนังสือเพลง+แผ่นโปรแกรมที่ทำมาจากญี่ปุ่น ชอบเพลงไทยหรือชอบเพลงอะไรที่ไหนก็ทำเองเล่นเองเลย นี่ซิถึงจะเรียกว่าเก่งจริงเป็นหัวใจหลักในการเรียนอิเลคโทนที่สมบูรณ์แบบ 3 ประการนั่นคือ 1. เล่นได้ 2. ทำเพลงได้ 3. ทำโปรแกรมเครื่องได้รู้เทคนิควิธีการเล่น.


              เพิ่มเติมความเข้าใจของคำว่า "อิเลคโทน" กับ "โฟสต้าโทน" เดี๋ยวนี้เมื่อใส่ KeyWord ใน Google คำว่า "อิเลคโทน" ส่วนใหญ่จะไปเจอเครื่องดนตรี "โฟสต้าโทน" ซะมากกว่า ผู้เขียนได้แยกแยะความแตกต่างของเครื่องดนตรี 2 ชนิดนี้ไว้แล้วที่ ความแตกต่างระหว่างอิเลคโทนกับโพสต้าโทน ลองไปอ่านดูนะครับ.

ร่ายมาซะยาวขอแนะนำจุดมุ่งหมายการเรียนและการเลือกซื้ออิเลคโทนดังนี้.
  • อ่านประวัติความเป็นมาของอิเลคโทนให้ดีซะก่อนว่าตระกูลไหนควรซื้อบ้างและแต่ละตระกูลแต่ละรุ่นมีจุดเด่นต่างกันอย่างไร.


  • ถ้าอยากได้แบบเครื่องสุดยอดเลยเนี้ยก็ซื้อไปเลยครับรุ่นล่าสุดตอนนี้ ELS-02C ราคาก็ห้าแสนก่าๆเอง สุดยอดจริงๆครับ ถ้าไม่นับ ELS-02X(ไม่มีขายในเมืองไทยนะครับ) แต่ถ้าเป็นผู้เขียนคงจะเอาเครื่องราคาเริ่มต้นเกือบแสนก่อนเพิ่มอีกนิดหน่อยได้ตัว Top EL-900 เพราะ ELS series พัฒนาเครื่องต่อยอดมาจากรุ่นนี้ฉะนั้นระบบทำ Seq กลอง Edit เสียงและทำอื่นๆก็ทำได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน ส่วนเรื่องแผ่นดีสเก็ตก็เปลี่ยนไดร์ฟเป็นแบบใช้ USB ไปก็จบ เอาไว้ ELS-02C ตกรุ่นค่อยหาซื้อมาใช้ครับ.


  • ถ้างบประมาณไม่พอก็ต้องหลีกเลี่ยงอย่างไปซื้อเครื่องรุ่นใหม่ที่ใช้อยู่ตอนนี้เพราะราคาแพงมากควรเลือกซื้อเครื่องมือสองที่อยู่ในงบประมาณและระดับที่เราต้องการเช่นถ้าอยู่ในระดับเริ่มต้นก็เลือกพวก HS Series,EL-7,15,25,27,37,40,100,200 เป็นต้นถ้าอยู่ในระดับกลางก็ EL-57,60,400,500 หรือจะเอาดีหน่อยก็ EL-87,70,90,700 แต่ถ้าจะซื้อทีเดียวเอาดีๆไปเลยก็ EL-900,900m เป็นต้นพวกนี้ตอนนี้ราคาไม่แพงแต่ต้องให้มืออาชีพคัดเลือกให้เท่านั้นอย่าไปเลือกซื้อเองหรือไปเชื่อพวก Sale ตามร.รว่าจะจัดหาเครื่องดีๆให้ไม่งั้นท่านอาจเจอเครื่องหมดสภาพที่โล๊ะมาจากตามห้องเรียนสังเกตได้ว่ามันจะราคาถูกผิดปกติเช่นราคาสี่แสนกว่าขายเหลือไม่กี่หมื่นอะไรอย่างเงี่ยอ่ะครับ.

  • สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อใช้เล่นในโบสถ์คริสต์ ยามาฮ่าอิเลคโทนทุกรุ่นมีเสียงออแกนอยู่แล้วแต่รุ่นที่หน้าใช้ควรเป็นรุ่น Top Series ที่มีระบบเสียง AWM (Advanced Wave Memory)เพราะเสียงจะเหมือนจริงและต้องมี Power Amplifiers ตั้งแต่ 100 Watt ขึ้นไปเพื่อให้เสียงที่กระหึ่มก้องกังวาลชัดเจนซึ่งได้แก่ HS-8, EL-57, 70, 87, 90, ELX-1, EL-500, EL-700, EL-900, EL-900m, ELS-01, ELS-01C แต่บางคนไม่เข้าใจเท่าที่ควรไปซื้อรุ่นที่ใช้สอนเด็ก 4-12 ขวบในห้องเรียน JMC มาใช้อย่างเช่น FC-10, HC-2, EL-7,15,25,27, EL-100,200,400, ELB-01 (Stagea Mini)

    รุ่นมันก็บอกอยู่แล้วว่าใช้สอนเด็กในห้องที่มีเนื้อที่จำกัดเสียงจึงไม่ต้องดังมากแต่กลับเอาไปเล่นในโบสถ์ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งกว้างทั้งสูงคิดดูว่ามิติเสียงมันจะออกมาเป็นยังไร? ถึงคุณจะพยายามต่อเพาเวอร์แอมป์ช่วยแต่ก็เหมือนบังคับเด็กให้ตะโกนแหกปากจนคอแหบคอแห้ง ไม่เหมือนอิเลคโทนรุ่น Top Series ที่ผู้เขียนแนะนำเพราะมันจะมีระบบ Reverb ที่สามารถเซ็ทมิติเสียงให้เข้ากับสถานที่ๆมันอยู่ได้รวมทั้งกำลัง Power Amplifiers ที่มีพลังเสียงที่ดีกว่ายิ่งต่อเข้าเพาเวอร์แอมป์มันจะยิ่งทำให้เสียงไพเราะและมีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น จะซื้อของใหม่หรือมือสองก็แล้วแต่กำลังทรัพย์นะครับแต่ถ้าถามผู้เขียนๆเอามือสองครับราคาถูกกว่าครึ่งคุณภาพเสียงเหมือนของใหม่รุ่นที่หน้าใช้ที่สุดคือ EL-900m, EL-900, ELX-1, EL-90, EL-700, EL-87, EL-70, HS-8 ครับ.


  • อย่าไปหลงเชื่อว่าซื้อเครื่องตกรุ่นจะไม่พัฒนาด้านการเรียนอิเลคโทนเพราะยามาฮ่าอิเลคโทนทุกตระกูลมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นของตัวมันเอง ถ้าคนที่รู้จริงจะรู้ได้เลยว่ายามาฮ่าอิเลคโทนแต่ละตระกูลที่ผ่านมาระบบเสียงของเครื่องและเทคโนโลยีมีจุดเด่นแตกต่างกันไปครับ ผู้เขียนรู้ดีเพราะเคยคลุกคลีกิน-นอนกับมันมาเป็นสิบๆปีเคยใช้เล่นออกแสดง,เคยใช้เล่นตอนสอบ,เคยใช้เล่นเพื่อแข่งชิงแชมป์ในประเทศและระดับเอเซียมาอย่างโชกโชน, เคยเป็น Demonstrator, เป็นนักแสดงแผนกฝ่ายจัดงานเลี้ยงตามที่ต่างๆผ่านงานมาเป็นร้อยๆงานมาแล้วทุกรุ่นเคยเล่นมาหมด ฉะนั้นอิเลคโทนยามาฮ่าจึงไม่มีรุ่นไหนตกรุ่นครับถ้าคุณใช้มันได้อย่างคุ้มค่า ไม่งั้นโรงแรมบางแห่งในกรุงเทพคงไม่เก็บรุ่น C-605 ไว้ให้แขกมาร้องเพลงจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ.


  • อย่าไปห่วงเรื่องระบบจัดเก็บข้อมูลเช่น HS Series มีระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Ram Pack, EL Series มีระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Floppy Disk, STAGEA (ล่าสุด) มีระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Flash Drive ถ้าไม่ใช้เครื่องใหม่เดี๋ยวเรียนไม่ได้ถ้าคิดเป็นหมูอย่างนี้แล้วก็ให้เค้าเชือดไปเถอะครับ แต่ถ้าคนที่เค้าเป็นซะหน่อยซื้อเครื่องมือสองตามงบประมาณและระดับที่เรียนตามที่กล่าวมาถ้ารุ่นที่เล่นระบบ GENERAL MIDI ไม่ได้(HS Series, EL Series ยุคเลข 2 ตัว)ก็ให้เอามือถืออัดเสียงเพลงจากเครื่องในห้องเรียนแล้วมาตั้งเสียงเครื่องที่บ้านคร้าวๆเก็บโปรแกรมเข้าแผ่น Floppy Disk, Ram Pack หรือ Com.ไว้ เวลาจะเล่นก็เปิดมือถือแล้วเล่นเครื่องคู่กันไปก็จบ แต่ถ้าเครื่องที่เล่นได้ทั้งระบบปกติและ GENERAL MIDI อย่างเช่น EL-100-900 ก็ให้ Convert File เพลงจากเครื่อง ELB, ELS ที่ร.รเป็น File GENERAL MIDI เอา File ใส่แผ่น Floppy Disk มาเปิดที่ EL-100-900 ได้เลยถึงมันจะมาแต่เสียงไม่มีจังหวะก็เอามือถืออัดจังหวะจากเครื่องในห้องเรียนมาเปิดก็ได้(ถ้าคิดว่าจะหาวิธีประหยัดนะครับ)วิธีconvertอยู่ในคู่มือนะครับ.*การ convert File จาก ELB-01 มา EL-100 Seq กลองจะไม่มา ฉะนั้นวิธีแก้ไขอย่างง่ายๆคือเอามือถือถ่าย Clip ไว้แล้วเอามาเปิดตอนซ้อมเพลงที่บ้าน*

    ถ้ายังไม่เชื่อ Download คู่มือ ELB-01 ไปอ่านได้เลยครับอยู่หน้า 141-145 ครับ EL-100 กับ ELB-01 มันเป็นพี่น้องกันครับ EL-100 ก็สามารถใช้เรียนแทน ELB-01ได้ถ้าต้องการจะประหยัด หรือจะเอาELB-01 มือสองคุณภาพเยี่ยมราคาไม่แพงก็น่าเล่นนะครับสนใจโทรมาครับ จะไปซอของใหม่ราคาแพงๆทำไม แล้วก็นี่ คู่มือ ELS-01C ไปอ่านได้เลยครับหน้า 124 - 126 วิธีการ Convert File ELS to GENERAL MIDI(XG) มีทางเลือกแบบนี้ EL-900 ก็ใช้เรียนใช้เล่นแทน ELS ได้เช่นกัน หรือจะเอา ELS มือสองสภาพดีราคาไม่แพงก็น่าใช้นะครับ แต่เครื่องมือสองคุณต้องให้มืออาชีพอย่างผู้เขียนเลือกให้นะครับรับรองไม่ผิดหวังแน่เพราะ EL-100 Made In Indonesia ครับต้องตาถึงจริงๆถึงจะได้เครื่องดีผมหาให้รับประกันคุณภาพครับ ส่วน EL-900 ก็เหมือนกันผู้เขียนมีตัวอย่างสินค้ามือสองสภาพใหม่ๆให้ดูหรือใครอยากได้ ELS-01C มือสองเราก็มีครับสนใจโอนมัดจำมาได้เลยครับ เรื่องระบบจัดเก็บข้อมูลที่แต่ละตระกูลมีไม่เหมือนหากแบบใดไม่สะดวกยามาฮ่าอิเลคโทนเตรียมระบบ MIDI ไว้รองรับอยู่แล้วเพราะตั้งแต่ ME Series เรื่อยมาจนรุ่นปัจจุบันอิเลคโทนมีระบบ MIDI มาตรฐานทุกเครื่อง.

    ถ้ารู้แบบนี้ได้คุณก็มีทางเลือกที่ประหยัดขึ้นไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเครื่องใหม่ในราคาแพงๆ จำไว้ให้ดีๆนะครับผู้เขียนอยู่วงการนี้มานานเห็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของการเรียน-เล่นอิเลคโทนมาเยอะ เพราะสุดท้ายทุกคนจะได้สถูปประจำบ้านที่เคยภูมิใจนักหนาตามพวกที่สร้างความเชื่อว่าต้องของใหม่ราคาเป็นแสนๆเท่านั้นคือตัวจริง แต่ดูซิตอนนี้ราคาตกเหลือกระตี๊ดเดียวหรือไร้ค่าไปเลยคนละหลังสองหลังบ้าง แล้วแต่กรรมของใครจะหลงคำสรรเสริญเยินยอมากกว่ากัน ถ้าหลงมากนักอาจโดนยุให้ซื้อเปียโนเข้าไปด้วยเบาะๆก็อีก 2 แสนหรือถ้าเคลิบเคลิ้มไม่รู้สึกตัวอาจเสียเงินเกือบครึ่งล้านได้ ฉะนั้นตราบใดที่คุณยังไม่รู้แก่นแท้ในการเรียน-เล่นอิเลคโทนอย่างแท้จริง ตราบนั้นคุณก็ถูกพวกหวังผลประโยชน์สร้างความเชื่อหลอกให้คุณซื้อแต่เครื่องรุ่นใหม่หมดเงินเป็นแสน(บางคนอาจถึงล้าน)ไปเรื่อยๆ เงินที่เสียไปเหล่านั้นถ้าคุณเก็บไว้สามารถส่งลูกหลานของคุณให้เรียนหนังสือจนจบได้อย่างสบายเลยนะครับ ถ้าคุณอยากรู้แก่นแท้ของการเรียน-เล่นอิเลคโทนและไม่อยากเจอสถูปราคาแพงๆก็โทรหาผู้เขียนได้เพราะตอนนี้มีทางเลือกแล้ว.


  • จงนึกไว้เสมอว่าเรียนดนตรีแค่ผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียนจากการทำงานเท่านั้น เพราะดนตรีช่วยให้มีจิตใจที่อ่อนโยนและยังช่วยฝึกสมองทำให้ไม่เป็นอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย ควรหาเครื่องมือสองราคาไม่แพงใช้ก่อนจะดีที่สุดนะครับ *ท่านใดที่มีอิเลคโทนยามาฮ่ารุ่นไหนก็แล้วแต่ใช้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมาอยากรู้วิธีการใช้เครื่องได้อย่างเติมประสิทธิภาพโทรเข้ามาเลยครับ 081-910-3854 (ครูเอ๋) ผู้เขียนเปิดหลักสูตรสอนอยู่ เรียนแล้วสามารถทำโปรแกรมเพลงขึ้นเล่นเองไม่ต้องง้อโปรแกรมเพลงญี่ปุ่นอีกต่อไปเลิกเล่นเพลงตามก้นญี่ปุ่นกันได้แล้ว เพลงไทย,เพลงสากลและเพลงอื่นๆที่สุดยอดในโลกนี้มีให้เล่นเป็นล้านเพลง มัวแต่แข่งเพลงปัญญาอ่อนเป็นเหยื่อให้พ่อแม่เสียตังค์กันอยู่ได้.* หรือท่านใดอยากได้อิเลคโทนยามาฮ่ามือสองดีๆแต่เลือกไม่เป็นมีบริการจัดหาให้ตามงบประมาณ ซื้อแล้วสอนวิธีการใช้ให้ฟรี, แถมเพลงบรรเลง, Karaoke ให้เพียบได้ฟังกันจุใจเป็นร้อยๆเพลงเลยครับ จะได้รู้ว่าสุดยอดอิเลคโทนที่ดีที่สุดในโลกไม่ได้มีไว้ตั้งเกะกะบ้านหรือกินขี้ฝุ่นอยู่ตามห้องอาหารวางเกลื่อนกลาดอยู่ตามร้านขายของเก่าอย่างไรค่าอะไรเงี่ยครับ.


  • ควรเลือกซื้อเครื่องอิเลคโทนหลังแรกเป็นมือสองไว้ก่อน(หาไม่เป็นโทรมาเดี๋ยวผู้เขียนจัดให้)เพราะนอกจากเป็นการทดสอบว่าลูก-หลานท่านว่าจะเรียนจริงหรือไม่จะได้ไม่เสียงตังค์มาก การปลูกฝังดนตรีให้ลูกหลานมีจิตใจที่อ่อนโยนเป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้าจะต้องเสียเงินเป็นแสนซื้อเครื่องใหม่ป้ายแดงผู้เขียนคิดว่าไม่สมควรเพราะเดี๋ยวนี้มีทางเลือกที่ประหยัดกว่าอยู่แล้ว เก็บเงินสดไว้ส่งลูกหลานเรียนหนังสือให้จบดีกว่านะครับ.

    ผู้เขียนเป็นครูและเป็นDemonstratorเล่นอิเลคโทนยามาฮ่ามาตลอดชนิดที่เรียกว่ากินนอนกับมันมาเลยทีเดียว ในชีวิตการทำงานตลอดเกือบ 30 ปีทั้งสอน,ทั้งแสดง,ทั้งสอบ,ทั้งแข่งขันเห็นคนที่ซื้ออิเลคโทนยามาฮ่าไปแล้วใช้ไม่คุ้มเป็นจำนวนมากเอาไปตั้งกินขี้ฝุ่นอยู่กับบ้าน ที่ใช้คุ้มจริงๆน้อยมากครับคิดเป็นเปอร์เซ๊นแล้วไม่เกิน 20% นอกนั้น 80% ใช้ไม่คุ้มเลยครับ รวมทั้งเห็นคนที่ถูกหลอกเอาเครื่องราคาถูกๆพังๆจากตามห้องเรียนมาขายบ้าง, เครื่องจากการแข่งขันที่ถูกซ้อมมาอย่างหนักมาโล๊ะขายราคาถูกบ้าง,เครื่องที่ผ่านการยกไปจัดงานเอนโรเม้นนอกสถานที่โล๊ะราคาถูกๆมาขายบ้าง(งานเอนโรเม้นคืองานส่วนหนึ่งของ Demonstrator ที่ต้องออกเล่นรีคู๊ดเด็กน.รตามร.รประถมและมัธยมศึกษา),เครื่องเน่าๆจากตามโรงแรมโล๊ะมาขายถูกๆบ้าง เครื่องมือสองพวกนี้ถ้าไม่ใช่เซียนอย่างผู้เขียนทดสอบก่อนละก็คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่ามันช้ำมามากขนาดไหน.

    ไม่รวมถึงเครื่องขยะที่ทิ้งแล้วจากญี่ปุ่นมีคนขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์เอามาขายตามร้านขายของเก่าราคาโค-ตะ-ระถูก ต้องดูเป็นนะครับ อีกอย่างหนึงเสียขึ้นมาเอาไปปลูกผักสวนครัวได้เลยเพราะศูนย์ในเมืองไทยไม่รับซ่อมครับ เคยไปดูแล้วใช้ได้มีน้อยมาก คิดดูเครื่องอิเลคโทนหลังนึงราคาหลายแสนขายกันเหลือหมื่นก่าบาทใช้กันไม่กลัวบ้างหรือ? ทำประกันไว้บ้างนะครับเล่นๆอยู่ถูกไฟดูดจะได้มีเงินรักษา ฮ่าาาา ..ฮ่า..ฮ่า รอดตายมาอยากเปลี่ยนไดร์ฟจากฟ๊อปปี้ดีสเป็นแฟตส์ไดร์ฟก็ยินดีบริการครับ .5555555555555...

    ผู้เขียนเคยได้ไปทดสอบเครื่องอิเลคโทนตัว Top อยู่ที่นึงแค่เห็นเท่านั้นรู้เลยว่าเครื่องนี้โดนเล่นมาอย่างหนัก เจอเพลงทดสอบเข้าไปไม่ทันจบเพลงมีเสียงหวีดร้องดังค้างทำยังไงก็ไม่หยุดต้องปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่มันถึงหยุด เห็นราคาถูกๆใครซื้อไปซวยเลยครับเล่นๆอยู่มันช่วยหวีดร้องด้วยวงแตกกระเจิง...ฮ่าาา..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า แล้วผมก็ไปเจอเครื่องตัว Top อีกหลังนึงเป็นเครื่องบ้านครับเจ้าของเขาบอกว่าสภาพดีไม่มีรอยเลยพอผมเล่นทดสอบได้ยินเสียงเท่านั้น...ฮ่าๆ บอกเลยนี่ไม่ใช่เสียงมันแล้วคุณไปซ่อมลำโพงก่อน พอ Test ไปที่ Expression ทั้ง 2 ตัวๆที่เป็น Pitch Bend กดที่ Key แล้วลองโยกดูเสียงเหมือนคนเมาเหล้า ,ส่วนอีกตัวนึงที่เป็น Foot Switch เวลาเล่น M.D.R Set EXP เป็น Int ผลปรากฎว่าปรับดัง-เบาไม่ค่อยได้ ดูจากสภาพภายนอกรู้เลยว่าเครื่องนี้ใช้แข่งขันมา พวกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนอกจากดูราคาถูกๆเข้าว่าจะรู้ไม๊เนี่ย?ได้ยินแต่พวกลิ้นหลายแฉกบอกว่าเครื่องบ้าน Trade In มาสภาพดีขายราคาถูกก็รีบตัดสินใจซื้อซะแล้ว เสร็จแล้วเป็นไงล่ะเจอเครื่องครูเล่นบ้าง, เจอเครื่องแข่งขันบ้าง, เจอเครื่องจากร้านอาหารบ้าง, เจอเครื่องที่จมน้ำมาบ้างพังล้วนๆเลย เครื่องอิเลคโทนยามาฮ่ามือสองถ้าไม่ใช่เซียนเลือกให้อย่าตัดสินใจซื้อเองนะครับไม่งั้นคุณเจอค่าซ่อมไม่คุ้มค่าซื้อแน่นอน..
         จากประสบการณ์เห็นมาเยอะครับเห็นผู้ที่มีใจรักดนตรีอิเลคโทนซื้อเครื่องใหม่มาในราคาที่ถูกฟันอย่างเหี้ยมโหดหัวแบะกันไปตามๆกันแม้แต่ผู้เขียนเองยังหมดไปเกือบล้าน ยามาฮ่าอิเลคโทนดีที่สุดในโลกครับแต่มันจะดีที่สุดถ้าเรารู้จักเล่น,รู้จักใช้,รู้จักซื้อมันให้เป็นคุณจะได้อิเลคโทนที่ให้ความสุขในครอบครัวที่แท้จริงและมีตังค์เหลืออีกด้วย วันไหนเกิดอยากจะ Turn ซื้อหลังใหม่หรือขายไปเลยก็ไม่เจ็บตัวมากเพราะซื้อมาถูกเพียงแต่ขอให้จำไว้อย่างเดียวว่าอย่าหลงเชื่อครูด้อยบางคนหรือคำสรรเสริญเยิ่นยอว่าจะเป็นดาวดวงใหม่บ้าง, แหมมมม..เรียน 3 เดือนเล่นคอนเสิร์ตเก่งจังรีบซื้อเครื่องเลยค่ะจะได้เก่งกว่านี้, เก่งจังเลยยินดีด้วยค่ะแข่งเข้ารอบแล้วรีบซื้อเครื่องเลยเดี๋ยวไม่ได้แชมป์บ้าง, จะได้เป็นครูหาตังค์ได้บ้าง, ต่อไปจะรุ่งนะ!...แล้วเป็นไง? ใครหลงเชื่อซื้อเครื่องตามที่เค้าเชียร์ตอนนี้จะขายทิ้งก็ทำใจไม่ได้(เพราะถูกฟันมาแพง)น่าสงสารนะครับแล้วจริงๆส่วนใหญ่มันก็เป็นแบบนี้ซะด้วย....อยากเป็นเหยื่อรายต่อไปก็เชิญนะครับแต่ถ้าไม่อยากก็โทรหาผู้เขียน Tel.081-910-3854(อ.เอ๋)คุณจะได้รู้แก่นแท้ของการเรียน-เล่นอิเลคโทนยามาฮ่าอย่างแท้จริงว่ามันไพเราะสุดยอดขนาดไหนโดยที่ไม่ต้องเสียตังค์มากยังไงล่ะครับ.

         สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่รักการเล่นอิเลคโทนรุ่นหลังๆจะได้ศึกษาเป็นตัวอย่างในการเลือกซื้ออิเลคโทนได้อย่างไม่เป็นเหยือให้เขาฟันหัวแบะเอาและมีจุดหมายในการเรียน-เล่นอย่างมีความสุขครับ ผมขอแนะนำว่าควรเรียนอิเลคโทนเพื่อความสุขส่วนตัวและครอบครัวในบ้านดีที่สุดเพราะอิเลคโทนยามาฮ่าให้คำตอบเรื่องดนตรีได้อย่างสมบูรณ์ทุกรูปแบบ ถ้ามีเงินเหลือเฟือซื้อเครื่องรุ่นใหม่ไปเถอะครับไม่ผิดหวังแน่ และการเรียนอิเลคโทนให้จบอย่างสมบูรณ์นั้นต้องมีองค์กระกอบ 3 อย่างคือ 1.เล่นเก่ง 2.ทำเพลงเก่ง และ 3.ทำโปรแกรมเครื่องเก่ง ผมบอกได้เลยว่าตอนนี้ในประเทศไทยมีครูที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมจะสอนแบบนี้ได้มีไม่กี่คนเท่านั้น อย่าหาว่าคุยเลยนะผมเป็นหนึ่งในนั้น อ้อ! เตือนไว้นะอย่าไปเรียนกับพวกคุณตุ๊ดแต๋วเข้าล่ะครับ เพราะอุปสันดานพวกนี้ไม่ชอบให้ใครเก่งเกินหน้าตัวเองลูกหลานคุณจะไม่ประสบความสำเร็จในวิชานี้ได้เลยดีไม่ดีอาจโดยตุ๋ยเอาด้วยนะครับ...ฮ่าาา...ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า..ฮ่า...





จำเป็นด้วยหรือที่ต้องซื้อแต่เปียโนใหม่?

         ถามว่ามีความจำเป็นด้วยหรือที่ต้องซื้อแต่เปียโนใหม่เท่านั้น? จริงอยู่ที่เปียโนใหม่เป็นเปียโนที่สมบูรณ์แบบเหมาะแก่การใช้เล่นอย่างครบถ้วน แต่บางยี้ห้อราคามากแพงเพราะบวกค่า Brands + ค่านิยม + ค่าโฆษณาเข้าไปด้วยเกินกว่าที่ชนชั้นกลางลงมาซึ่งเป็นประชาชนส่วนมากในประเทศไทยยากที่จะหาซื้อมาใช้ได้ ยิ่งยุคเศษฐกิจเดี๋ยวนี้แล้วหมดสิทธิ์ครับ พวกคนระดับที่มีฐานะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ซื้อเอาไปเล่นจริงจังอะไร เอาไปเป็นเฟอร์นิเจอร์ซะมากกว่า แกรนด์เปียโนหลังละเป็นล้านถูกเอาไปอยู่ในแบบตกแต่งบ้านเศรษฐีบางคนตั้งโชว์ทิ้งไว้กินขี้ฝุ่นหรือบางคนซื้อแค่เอาไปใส่แผ่นให้มันเล่นให้ฟังแบบนี้เรียกว่าคนอยากเล่นไม่มีปัญญาซื้อ คนมีปัญญาซื้อแต่ไม่มีปัญญาเล่น มีกลุ่มคนที่มีฐานะไม่มากนักที่จะมีทั้งกำลังซื้อและเวลาเล่น ยิ่งหลายๆสิบปีที่ผ่านมาเปียโนใหม่บางยี้ห้อในรุ่นเล็กๆที่มีความสูงไม่เกิน 120 ซ.มในบางรุ่นทางประเทศเจ้าของแบรนด์ไม่ได้ผลิตเองให้ประเทศอื่นผลิตให้บางรุ่นที่ผลิตออกมาในบางปีคุณภาพเสียงใช้ได้แต่ในบางปีที่ผลิตออกมาเสียงไม่ค่อยประทับใจซักเท่าไร แต่ที่เห็นได้ชัดๆคือราคามันแพงขยับขึ้นทุกปี.

         ฉะนั้นจากประสบการณ์การเล่นเปียโนมา 20 ปีกว่าทำให้เราเห็นปัญหาตรงนี้เราจึงมีบริการเลือกและเฟ้นหาเปียโนมือสองที่มีคุณภาพดีไว้บริการลูกค้าในราคาไม่แพง ซึ่งเปียโนมือสองผมแบ่งออกเป็น 3 Grade แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคน ซึ่งถ้าจะให้ผมแนะนำควรเลือกซื้อแบบ Grade A,B จะดีมี่สุด เพราะเปียโนมือสอง Grade C คือเปียโนที่ญี่ปุ่นทิ้งแล้วเป็นเปียโนขยะที่เอามา Recycle, Rebuild, Recondition หรือ Re ใช้ชื่ออะไรมาจากที่ไหนก็แล้วแต่อย่างดีสุดมีเพียง 10 % เท่านั้นที่ทดสอบผ่านอย่างเช่นหลังนี้คือ YAMAHA PIANO U1E รุ่นนี้ปีที่ผลิต '1965-1970' ความสูง 121 cm. คิดดูว่ากี่ปีแล้ว สภาพเปียโนหลังนี้ทดสอบผ่านที่ 65 % (Grade C ดีสุดไม่เกิน 70 %) ส่วนอีก 90 % ที่หมดสภาพการเป็นเปียโนแบบถาวรมีเกลื่อนกลาดขายราคาถูกสุดๆต่อได้เยอะๆมีประกันหลายปี, จูนฟรีเพียบมีทั้งแบบปล่อยให้เช่าเล่นให้นิ้วเน่าถูกใจผู้ไม่มีความรู้แต่ชอบของถูกอยู่ตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง ถ้าใครชอบก็แล้วแต่บุคคลนะครับ.

         มีบทความที่โจมตีเปียโนมือสองหลายบทความก็โจมตีเปียโนมือสอง Grade C เนี่ยละครับ แต่ถ้าใครมีงบน้อยเปียโนมือสอง Grade C ก็ยังพอเป็นทางเลือกให้ใช้ได้แต่ต้องเลือกเป็นจริงๆนะครับอันนี้ขอบอกเลยว่ายากมากๆขนาดอาจารย์เปียโนบางคนที่มีประสบการณ์น้อยๆยังโดนหลอกเลยครับ สู้เพิ่มงบประมาณอีกนิดหน่อยได้เปียโนมือสอง Grade A,B ใช้จะแจ๋วกว่าซื้อทีเดียวจบครับแถมถูกกว่าเปียโนใหม่อีกด้วย สนใจโทรมาคุยกันได้ครับ.

การเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้า

         เปียโนไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์เครื่องดนตรีเปียโนอิเลคโทนิคอีกแบบหนึ่งที่ผู้ผลิตเปียโนอคูสติคส์(เปียโนจริง)Brand ดังๆหลายยี้ห้อทำขึ้นเน้นราคาถูกน้ำหนักเบาใช้เรียน-เล่นกับวงดนตรีได้และมีใช้สอนในร.รดนตรีสำหรับเด็กเพราะน้ำหนักเพราะคีร์เบากว่าเปียโนจริง เปียโนไฟฟ้ามีเสียงให้เลือกมากมายบางรุ่นมีไดร์ฟเล่นแผ่นดีสมีระบบ Midi File มี Rhythm Auto Bass Chord ในตัวแล้วเรามีวิธีเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้าอย่างไรจึงจะตรงจุดเป้าหมาย?

  • ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าเปียโนไฟฟ้ากับพวกเครื่องดนตรี Keyboard ต่างกันยังไง?(ข้อนี้สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เลย) เครื่องดนตรี Keyboard จะมีจำนวนคีร์ที่กดอยู่ 5 ชุด (5 Octave) หรือ = 12 x 5 = 60 + อีก 1 คีร์ = 61 คีร์ตรงที่คีร์กดไม่มีการถ่วงน้ำหนัก ส่วนเปียโนไฟฟ้า Digital Piano)จำนวนของคีร์จะมีอยู่ 3 แบบคือ 1. แบบ 5 Octave+1 หรือ = 12 x 5 = 60 + อีก 1 คีร์ = 61 คีร์(ไม่ค่อยนิยมใช้แล้วเนื่องจากจำนวนคีร์น้อยไป)2. แบบ 6 Octave+4 หรือ = 12 x 6 = 72 + อีก 4 คีร์ = 76 คีร์ (ยังนิยมใช้กันอยู่แต่ไม่มาก)3. แบบ 7 Octave+4 หรือ = 12 x 7 = 84 + อีก 3 คีร์ = 88 คีร์ เท่าเปียโนจริง(นิยมใช้กันอยู่ตอนนี้)ทั้ง 3 แบบนี้ตรงที่คีร์กดจะถ่วงน้ำหนักให้ใกล้เคียงกับเปียโนจริงด้วย.


  • ต้องเลือกเปียโนไฟฟ้ารุ่นที่มีการถ่วงน้ำหนักที่คีร์ให้ใกล้เคียงกับเปียโนจริงและควรเลือกรุ่นที่มีระบบการถ่วงคีร์แบบ Hammer effect เพราะจะให้ Touching ใกล้เคียงเปียโนจริงที่สุด(เปียโนไฟฟ้าราคาถูกๆมากๆจะไม่มีถ่วงคีร์)ไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่ต่างอะไรกับเครื่องดนตรี Keyboard ที่มีคีร์เพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง.


  • ควรเลือกซื้อแต่เปียโนไฟฟ้าใหม่เท่านั้นเพราะอะไร? ก็เพราะว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์เปียโนไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นพลาสติกและอุปกรณ์อิเลคโทนิคมีอายุการใช้งานที่จำกัดไม่ทนทานเหมือนเปียโนจริงโดยเฉพาะตรงคีร์ที่กดเดี๋ยวนี้เปียโนไฟฟ้ามือสองอายุการใช้งานน้อยมากมีปัญหาทรุดและหักบ่อยยิ่งเกิดขึ้นกับ Brands ดังๆค่าซ่อมยิ่งแพงคีร์อะไหล่ตัวนึง+ค่าแรงก็ 500 อัพแล้วนะครับ พวกที่ชอบซื้อเปียโนไฟฟ้าถูกๆเจอค่าซ่อมคีร์ซัก 6-7 ตัวก็ไม่คุ้มแล้ว นอกจากคีร์เปียโนไฟฟ้ามือสองที่ชอบเสียบ่อยๆแล้วที่น่าห่วงอีกอย่างนึงคือพวกเปียโนไฟฟ้ามือสองบางรุ่นที่มีไดร์ฟเล่นฟ๊อปปี้ดีสและแบบซีดีรอมพวกนี้บางรุ่นไม่มีอะใหล่แล้ว วันไหนเสียขึ้นมาถ้าไม่ทิ้งก็เอาไปทำโต๊ะกินข้าว,โต๊ะเขียนหนังสือหรือเอาไปปลูกสะระเเหน่อะไรอย่างนี้อ่ะครับ นอกจากนี้พวกเปียโนไฟฟ้ามือสองที่ใช้จอ LCD ใหญ่ๆวันไหนหน้าจอมันเสีย(Dead Pixels)ขึ้นมาเจอค่าซ่อมเป็นหมื่นนะครับ ทีนี้คิดออกหรือยังว่าทำไมต้องแนะนำให้ซื้อแต่เปียโนไฟฟ้าใหม่มือหนึ่งเท่านั้น เพราะของใหม่อย่างน้อย 3-5 ปีมันจะไม่กวนความรู้สึกคุณแน่นอนใช้เรียนได้อย่างสบายๆ.


  • หากต้องการจะเลือกเปียโนไฟฟ้ามือสองเพื่อเซ็บค่าใช้จ่ายควรเลือกเปียโนไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 1-5 ปีเพราะรุ่นพวกนี้ยังมีอะใหล่อยู่ถึงแพงก็ยังซ่อมได้ แต่ถ้าเปียโนไฟฟ้ามือสองรุ่นที่อายุมากกว่านี้บางรุ่นถึงคุณจะมีตังค์ค่าซ่อมแต่ไม่มีอะใหล่ขายเนี่ยเปียโนไฟฟ้าหลังนั้นก็คงต้องเก็บเอาไว้ปลูกสะระเเหน่น่าจะ Work กว่านะครับ อย่าลืมนะครับเปียโนไฟฟ้าไม่ใช่เปียโนจริงๆที่มีอะใหล่ตลอดอายุการใช้ เปียโนไฟฟ้าก็เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่มีวันตกรุ่นไม่มีอะใหล่ขายนะครับ ซึ่งเดี๋ยวพวกเก็งกำไรที่ชอบไปเอาขยะเปียโนไฟฟ้าจากญี่ปุ่นมาขายกันถูกๆถ้าจะซื้อคุณควรเช็ครุ่นเช็คปีกันดีๆนะครับ ของยามาฮ่าสังเกตดีๆอย่างเช่นบางรุ่นที่ยังใช้ฟ๊อบปี้ดีสอยู่พวกนี้ก็ 10 กว่าปีหรือบางรุ่นที่ยังใช้ Ram Pack RP-3,RP-5 อยู่นี่ก็ 20 กว่าปีนะครับ เปียโนไฟฟ้าขยะเหล่านี้ระบาดอยู่ทั่วไปหมดใช้แล้วเสียไม่ต้องซ่อมเพราะไม่มีอะใหล่แล้วเอาไปตั้งหน้าบ้านแบ่งเนื้อที่ปลูกผักสวนครัวได้เลย.


  • ควรเลือกเปียโนไฟฟ้าให้ตรงจุดประสงค์ที่ใช้เช่นถ้าใช้เรียนอย่างเดียวเก็บไว้ซ้อมที่บ้านไม่ได้ยกเอาไปแสดงที่ไหนควรเลือกรุ่นที่มีไม่ต้องมีฟั่งชันอะไรที่ซับซ้อนมากมายนักไม่ต้องมีจอ LCD ใหญ่ๆเพราะค่าซ่อมมันแพงมาก ส่วนเรื่องระบบ MIDI File มันมีทุกเครื่องอยู่แล้วๆแต่คนชอบครับมีทั้งระบบ General MIDI, XG, GS แต่อย่าเอาอะไรที่มันมากมายไปกว่านี้เพราะเราเอาเสียงเปียโนเป็นหลักๆครับเด็กที่ซื้อไปเล่นผมก็เห็นแค่ใช้เสียงนี้กันทั้งนั้นไปเสียตังซื้อมาแพงๆไม่ค่อยได้ใช้เปล่าๆ แต่ถ้าจะใช้เป็นงานอาชีพแสดงออกคอนเสิร์ตด้วยเนี่ยต้องเลือกรุ่นที่มีราคาขึ้นมาขึ้นอีกหน่อยเช่นมีคุณสมบัติเสียงที่มากกว่าดีกว่าน้ำหนักเบาหิ้วติดตัวไปได้ทุกที่อะไรอย่างนี้อ่ะครับ.


  • ควรเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้ารุ่นใหม่มือหนึ่งก่อนแต่ถ้ามันแพงก็หารุ่นเดียวกันเป็นมือสองก็ได้ครับ ไม่ควรซื้อเปียโนไฟฟ้าขยะนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นดีที่สุดอันนี้ขอแนะนำเลยว่าไม่คุ้มเลยครับ บางรุ่นราคาตั้ง 2-4 หมื่นถึงจะเป็นรุ่นใหญ่ของปีไหนก็ตามเฮอะหากเสียขึ้นมาหาอะใหล่ซ่อมไม่ได้เจ็บใจเปล่าๆครับ ราคานี้ซื้อเปียโนไฟฟ้ารุ่นใหม่ดีๆระดับมืออาชีพได้สบายๆถึงจะเล็กก็เล็กพริกขี้หนูคุ้มค่าสบายใจมีอะใหล่รองรับใช้ได้อีก 3-5 ปีคุ้มค่ากว่าเยอะครับ.


  • ควรเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้าจากร้านที่เป็นตัวแทนโดยตรงเพราะมีการประกันที่แน่นอนไม่ปิดตัวลอยแพลูกค้าไปก่อนง่ายๆเหมือนพวกร้าน Noname ตามข้างถนนเดือนไหนขายไม่คุ้มค่าเช่าขึ้นมาตัวใครตัวมันครับ.


  • งบประมาณในการซื้อเปียโนไฟฟ้าไม่ควรเกิน 7 หมื่นบาทถ้าเกินจากนี้ไปหาเปียโนอคูสติคส์(เปียโนจริง)มือสองดีๆใช้จะแจ๋วกว่า ทั้งสวยงาม,ไพเราะและทนกว่าด้วยถ้าสนใจผมมีให้เลือก 3 Grade.


  • ตัวอย่างเปียโนไฟฟ้า (Digital Piano)ใหม่ที่มีคุณภาพดีมีประกันครับ.
         จากประสบการณ์ 20 กว่าปีเห็นมาเยอะครับบางคนตอนซื้อเปียโนไฟฟ้าสนใจแต่ราคาถูกๆไม่ดูรุ่นดูปีที่ผลิตให้ดีซะก่อนเลยตกเป็นเหยื่อพวกเอาขยะเปียโนไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นทิ้งแล้วมาหลอกขาย การซื้อเปียโนไฟฟ้าถ้าไม่ใช้เพื่อเล่นเป็นงานอาชีพควรซื้อเปียโนไฟฟ้าเครื่องรุ่นที่มาตรฐานใช้เล่นในบ้านไปก่อนครับ แล้วถ้าชอบจริงๆค่อยซื้อเปียโนไฟฟ้าใหม่เป็นแบบมืออาชีพจะดีที่สุดครับ เพราะแค่ 2-3 ปีเปียโนไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆจะออกมากันเรื่อยๆ กว่าจะเรียนจนเล่นเก่งก็จะได้ของใหม่พอดีๆไม่ตกรุ่นครับ แต่ถ้ามีงบมากพอก็เอาเปียโนไฟฟ้าแบบดีๆไปเลยก็ได้ครับ.



การเลือกซื้อเปียโนมือสอง

         ช่วงนี้ธระกิจเปียโนมีการแข่งขันทำยอดขายกันหนักหน่วงมากมีการโพสข้อความชวนเชื่อล้างสมองต่างๆนาๆ เพื่อดึงความสนใจลูกค้าให้มาสนใจซื้อเปียโนของตนเอง เปียโนใหม่, เปียโนมือสองมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ยังไงของใหม่ย่อมดีกว่าของมือสองแน่นอน แต่ราคานี่ซิมันต่างกันมากเลยถ้าคิดว่ามีเงินเหลือเฟือก็ซื้อไปเถอะครับของใหม่ แต่ความคิดส่วนตัวผมนะจากการที่อยู่วงการนี้มานานเล่นเปียโนมาเยอะตั้งแต่ของใหม่ยันของใกล้พังคิดว่าเปียโนคุณภาพดีๆไม่จำเป็นต้องซื้อของใหม่แพงๆเสมอไป เปียโนเป็นเครื่องดนตรีอคูสติกค์เหมือนไวโอลินเหมือนกีตาร์ที่เปล่งเสียงออกมาจากเนื้อไม้เช่นกัน ฉะนั้นหลักการเลือกซื้อเปียโนที่ถูกต้องที่สุดคือผู้เล่นต้องชอบเสียงในของเปียโนหลังนั้นๆว่ามันโดนใจหรือเปล่าต่างหาก เปียโนแต่ละรุ่นแต่ละยี้ห้อมีเสียงเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน ผู้ที่ต้องการหาเปียโนดีๆที่ถูกใจต้องลองเล่นเปียโนหลังนั้นๆว่าถ้าเล่นแล้วรู้สึกว่ายิ่งเล่นยิ่งไพเราะเล่นอยู่ได้นานๆเป็นช.มไม่เมื่อย,ไม่เบื่อ,ไม่เอียนในเสียงของมัน เปียโนหลังนั้นใช้เลยสำหรับตัวคุณแล้วก็ดูราคากับการบริการหลังการขายแค่นี้เองครับกับการเลือกซื้อเปียโน *แต่ผมของบอกไว้ก่อนนะว่าเปียโนใหม่อ่ะคุณจะยังไม่ได้ยินเสียงที่แท้เติมๆของมันหรอกจนกว่าจะเล่นไปจูนปรับไปซักระยะนึงก่อนปีนึงหรือสองปีนั้นแหละเสียงที่แท้จริงเติมๆจึงออกมา ถึงตอนนั้นแหละคุณถึงจะรู้ว่าที่ซื้อมาตามโฆษณาชวนเชื่อบางอย่างมันไม่จริงเสมอไป*.

         ฉะนั้นเสียงเปียโนที่ถูกใจ,มันโดนใจแต่ราคามันไม่โดนงบประมาณในกระเป๋าตังค์ก็หาซิครับ เปียโนมือสองคุณจะได้ยินเสียงที่แท้จริงของมันแทบถูกหลังเพราะส่วนใหญ่ผ่านการเล่นการปรับจูนมาเติมที่แล้ว ผมเจอเปียโนมือสองดีๆเสียงแบบโดนๆราคาถูกกว่าของใหม่มากๆตามร้านเปียโนมือสองมากมายแต่ต้องเลือกเป็นเพราะช่วงนี้ก็มีร้านเปียโนมือสองเกิดขึ้นใหม่หลายที่ต่างก็มีการโฆษณาสินค้าจนเกินความเป็นจริงรวมทั้งขายด๊ำตัดราคาจนน่าตกใจ แต่จำไว้ให้ดีนะครับ*ในโลกนี้ไม่มีของดีราคาถูกหรอกครับ* ถึงท่านจะได้เปียโนมือสองราคาถูกๆสะใจก็จริง แต่สิ่งที่ตามมาหลังการซื้อจะทำให้ท่านเจ็บใจมากกว่าสะใจแน่ เพราะถ้าท่านโชคร้ายเจอเปียโนมือสองแบบขยะที่หมดสภาพการเป็นเปียโนที่ดีไปแล้วละก็...เท่ากับเอาเงินไปทิ้งซะเปล่าๆครับ การเลือกซื้อเปียโนมือสองที่ดีตามหลักวิชาการต้องยึดหลักสำคัญ 2 ประการแรกไว้ก่อนคือ.

         1.โทนเสียงที่ยังคงชัดเจนเหมือนการร้องเพลง (Singing Tone) นั่นคือเมื่อกดนิ้วลงบนแป้นคีร์โน๊ตตัวไหนไม่ว่าเสียงสูงหรือต่ำต้องเป็นเสียงโน๊ตตัวนั้นอย่างไม่ผิดเพี๊ยนและเสียงนั้นจะมีมิติที่กว้างและดังกังวาลอยู่นาน(กดคีร์ตอนที่เหยียบ Damper Pedal / Sustain Pedal / Loud Pedal ชื่อเดียวกันนั่นก็คือตัว Pedal ขวาสุดที่เมื่อเหยียบแล้วเสียงจะกังวาล)แม้จะยกนิ้วออกแล้วก็ตาม ส่วนที่เป็นเสียงต่ำ (Base Section) เสียงต้องกระหึ่มระรัวมีพลังเหมือนเสียงฟ้าฝนคำราม ส่วนที่เป็นเสียงกลาง (Middle Section) เสียงต้องดังกังวาน, หนักแน่น ส่วนที่เป็นเสียงสูง (Treble Section) เสียงต้องชัดเจน, เข้ม, สดใสซึ่งถ้ากล่าวโดยรวมๆแล้วเสียงเปียโนมือสองที่ดีต้องยังคงมีเสียงที่ชัดเจนแบบนุ่มนวลแต่หนักแน่นอย่างมีพลังกังวาลไกลกระจายไปอย่างสม่ำเสมอครับ ไม่ใช่เสียงชัดเจนแบบใสโจ๋งแจ๋งเหมือนขิม, เหมือนเครื่องสายจะเข้นะครับ ฉะนั้นการเลือกเปียโนมือสองที่ดีมีคุณลักษณะเสียงให้ได้ดังกล่าวนี้เป็นเคล็ดลับส่วนตัวของผมเองที่สั่งสมประสบการณ์การเล่นเปียโนมา 20 กว่าปีควบคู่กับอิเลคโทนมาโดยตลอด เปียโนมือสองที่ดีถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนคนร้องเพลงอ่ะครับ ถ้านักร้องนั้นยังคงมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียนเสียงย่อมดังสดใสชัดเจนอย่างมีพลังไม่แตก, แหบแห้งหรือร้องไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่ถ้านักร้องนั้นอยู่ในสภาพที่ร่างกายไม่สมบูรณ์มีทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ(เช่นไซนัสอักเสบ..หุ..หุ), เจออุทกภัยมา, ประสบอุบัติเหตุหรืออายุมากหมดสภาพจนไม่สามารถเยียวยาให้กลับมาดีได้อีกเสียงที่ออกมาย่อมเป็นไปตามสภาพเช่นร้องไม่ค่อยได้ยินเสียง, แหบแห้ง, กระป๋องกระแป๋ง, ทึบ, ทู้หรือเหมือนไม้ไผ่แตก.

         หมายเหตุ คำว่าเสียงที่ชัดเจนแบบนุ่มนวลแต่หนักแน่นหมายถึงถ้าเป็นศัพท์ของทางกีตาร์ก็จะเรียกว่าเสียงมันอ้วน แต่ถ้าเป็นศัพท์ของทางช่างเปียโนบางคนก็จะเรียกว่าเสียงมันหนา ส่วนผมเป็นนักเล่นอิเลคโทนเรียกว่าเสียงมันแน่นครับ แล้วที่มันหนักแน่นอย่างมีพลังหมายถึงตอนที่จังหวะของ Mammer Head (หัวฆ้อน)ตีไปที่สายแล้ว Soundboard (แผ่นขยายเสียง)กระจายเสียงออกมานั่นมันเกิดมิติที่กว้างมากๆฟังแล้วอิ่มเอิบเข้าไปถึงความรู้สึก ยิ่งเล่นก็ยิ่งไพเราะเล่นนานเท่าไรก็ไม่รู้จักเบื่อ(นั่งเล่นเป็น 4-5 ช.มแบบไม่รู้ว่ามันนั่งเล่นไปได้ยังไงอะไรเงี่ย).....ไม่ใช่เล่นไปซักพักนึงเอียนกับเสียงแหลมๆของเปียโนมือสองราคาถูกๆห่วยๆบางหลัง.

         2.นิ้วสัมผัส (Touching) น้ำหนักของคีร์เปียโนมือสองที่กดต้องไม่เบาไม่หนักและไม่หนืดจนเกินไป เล่นได้ทุกรูปแบบทั้งแบบช้า (Grave), เร็ว (Prestissimo), รัว (Tremolo), รูด (Glissandos) โดยที่กลไกและเสียงต้องไม่สะดุดติดขัด ตอบสนองการเล่นแบบดัง (Fortissimo) - เล่นแบบเบา (Pianissimo) เล่นแบบค่อยๆดัง (Crescendo) เล่นแบบค่อยๆเบา (Diminuendo) และแบบอื่นๆอีกมากมายได้อย่างชัดเจน นี่แค่เกรินให้ฟังคร้าวๆนะครับแค่ 2 ข้อนี้ฟังดูเหมือนง่ายๆแต่ตอนเลือกจริงๆไม่หมูอย่างที่คิดเพราะเปียโนมือสองที่ดีเฉพาะ 2 ข้อนี้ยังมีปลีกย่อยอีกเพียบที่ต้องดูและทดสอบอีกเยอะนะครับ แล้วยังมีข้อที่รองๆลงมาในการเลือกดูเปียโนมือสองอีก อย่างเช่นกลไกภายใน, บอดี้ภายนอกและอื่นๆเป็นต้นฟังตัวอย่างเสียงเปียโนมือสองที่ดีครับ.

         หากเปียโนมือสองหลังใดที่ผมทดสอบคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการแรกนี้ไม่ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ผมก็จะไม่ดูหัวข้อที่รองๆลงมาอื่นๆอีกต่อไปถึงแม้ว่าเปียโนมือสองหลังนั้นจะมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมรับประกันหลายปีจูนฟรีไม่อั้นก็ตาม เพราะผมจะถือว่าเปียโนมือสองหลังนี้เป็นเปียโนขยะที่หมดสภาพการเป็นเปียโนที่ดีไปแล้วไม่คุ้มค่าที่จะซื้อเอาไปเล่นแล้วครับ แต่เปียโนมือสองที่มีการนำเข้ามาขายอยู่ตอนนี้ซิ! ส่วนมากเป็นเปียโนขยะที่ญี่ปุ่นทิ้งแล้วอายุก็ราวๆ 40-50 กว่าปีอย่างเช่น YAMAHA PIANO U1D, U3C, U3D '1959-1965' คิดดูว่าอายุเท่าไรแล้ว? พวกที่เอามาขายเก็งกำไรอยู่ตอนนี้แทบจะได้มาฟรีๆด้วยซ้ำไปแล้วก็เอามา Recycle, Rebuild, Recondition, Regulation, Repair, Re...ใช้ชื่ออะไรจากที่ไหนก็แล้วแต่บวกราคากันเป็นแสนๆ(ในยุคแรกๆ)แล้วแข่งกันรับประกันจำนวนปีมากๆ, แข่งกันรับจูนฟรีจำนวนครั้งกันเยอะๆเพื่อล่อใจลูกค้าให้ซื้อ ตอนนี้มีร้านเยอะขึ้นก็ยิ่งแข่งกันด๊ำราคาเปียโนขยะญี่ปุ่นกันใหญ่เห็น YAMAHA PIANO U1 ด๊ำราคากันเหลือไม่ถึงเจ็ดหมื่นบ้าง บางหลังขายกันไม่ถึงห้าหมื่นซึ่งปกติตอนนี้เปียโนรุ่นนี้ของใหม่ราคาอยู่ที่เกือบสามแสน คิดดู.....ถ้าเปรียบเทียบเหมือนคนร้องเพลงจะมีสภาพร่างกายเป็นอย่างไร?.

         ผมไม่ได้ว่าเปียโนมือสองแบบขยะขนิดนี้ไม่ดีไปซะหมดแต่มีเปียโนมือสองขยะบางหลังเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพพอใช้ได้คิดเป็นเปอร์เซ็นแล้วมีเพียง 10 % เท่านั้นอย่างเช่นหลังนี้ลองฟังเสียงดูครับผมเจออยู่หลังเดียวในหลายๆสิบหลังที่ขายอยู่เกลื่อนกลาดในเมืองไทยตอนนี้ ส่วนอีก 90% ของเปียโนมือสองแบบขยะเหล่านี้หมดสภาพการเป็นเปียโนที่ดีแล้ว เปียโนมือสองแบบขยะชนิดนี้ไม่ว่าจะเอาไป Re...ใช้ชื่ออะไรจากที่ไหนก็แล้วแต่ก็ไม่สามารถทำให้เสียงและสัมผัสของเปียโนมือสองแบบขยะชนิดนี้กลับมาดีอย่างเดิมได้อีก ผมเคยเจอเปียโนมือสองแบบขยะนี้มากับตัวเองตามที่ต่างๆที่เคยไปดู เสียงเปียโนมือสองแบบขยะพวกนี้บางหลังจะมีเสียงที่แหลมเหมือนเหล็กกระทบกันบ้าง, บางหลังเสียงคล้ายขิม, บางหลังเสียงเหมือนเครื่องสายจะเข้, บางหลังเสียงกระป๋องกระแป๋ง, บางหลังเสียงแปร่งๆเหน่อๆบ้าง, บางหลังเสียงอุบ, ทึบเป็นใบ้(หมายถึงได้ยินเสียงของเปียโนอยู่แต่ในบอดี้ไม่กังวาลออกมา) อุบ, ทึบเป็นใบ้ยังไม่พอๆเราพยายามกดที่คีร์แรงๆเพื่อให้มันเปล่งเสียงออกมากลับได้ยินเสียงแหลมๆปะแล่มๆปนกับเสียงทู้ๆออกมาแทน หรือถ้าแย่สุดๆเสียงเหมือนเคาะสายสปริงในตู้เสื้อผ้า ราคาไม่ต้องพูดถึงครับเปียโนมือสองแบบขยะเน่าๆชนิดนี้ถูกมากๆแถมต่อได้อีกเยอะๆด้วย มีบริการหลังการขายเพียบทั้งรับประกันหลายปี,จูนฟรีไม่อั้น, บางที่ผ่อนได้อีกต่างหาก เปียโนมือสองแบบขยะชนิดนี้ก็เลยเป็นที่ถูกใจคนไทยบางจำพวกที่ชอบของถูกๆต่อได้เยอะๆเป็นอย่างยิ่ง ลองคิดดูให้ดีเมื่อซื้อเปียโนมือสองราคาถูกๆ, มีการประกันจำนวนปีมากๆ(ของใหม่เขายังประกันแค่ปีเดียว), มีบริการจูนฟรีจำนวนครั้งเยอะๆ(ของใหม่เขาจูนให้ฟรีแค่ 3 ครั้งเอง)พวกพ่อค้าเก็งกำไรก็ต้องลดคอร์สต้นทุนสินค้าให้มากขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกัน ท่านก็จะได้เปียโนมือสองแบบขยะ 1 ใน 90% ที่หมดสภาพเปียโนที่ดีไปแล้วอย่างเติมขั้นเนื้อๆไปฉะนี้เอง พวกเปียโนมือสองผมได้แบ่งออกเป็น 3 Grade ลองคลิกอ่านดูนะครับ.

         นอกจากเปียโนมือสองแบบขยะที่มีการนำเข้ามามากที่สุดแล้วยังมีเปียโนมือสองอีกชนิดนึงที่พวกร้านเปียโนบางร้านอ้างว่าดีนักหนานั่นก็คือเปียโนมือสองที่ Recondition มาจากเมืองนอก ผมอยากจะให้ฟังตัวอย่างเสียงเปียโนมือสองยี้ห้อดังหลังนึงที่ Recondition มาจากเมืองนอกมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ฝาด้านหน้า (Top Front Panel) ของเปียโนเขียนว่า "This piano is Reconditioned by ........ of ........," เปียโนมือสองหลังนี้เป็นรุ่นที่มีคุณภาพดีสุดของ Upright Piano ฝาเปิด-ปิดคีร์ (Fallboard) เป็นแบบหน้าแกรนด์เปียโน(เป็นทรงตั้งฉากทำให้ผู้เล่นสามารถเห็นตำแหน่งมือของตัวเอง (Hand Position) จากภาพสะท้อนได้เหมือนเล่นแกรนด์เปียโน)ที่ฝาด้านหน้า (Top Front Panel) เป็นแบบครอสบอดี้(คือฝาตรงกลางสามารถดึงออกมาวางโน้ตเพลงได้หลายๆแผ่น)ราคาที่ขายในเมืองไทยตอนนี้ประมาณ 2 แสนกว่าบาทนะครับ ผมดูจากสภาพกลไกภายในและบอดี้ภายนอกทุกอย่างยอมรับว่าของนอกเขา Recondition มาได้ดีมากเหมือนของใหม่เลยที่เดียว แต่พอเขา Test เสียงและเล่นเพลงให้ฟังเท่านั้น...เฮอะๆ...ลองฟังเสียงดูครับ คน Test เขาไม่กล้าออกแรงในการเล่นมากนักเดี๋ยวอาการเจ็บป่วยของเครื่องจะกำเริบให้ได้ยินเสียงห่วยๆชัดกว่านี้

         ผมเดาได้ว่าเปียโนมือสองหลังนี้น่าจะโดนเล่นมาอย่างสมบุกสมบันหรืออาจจะเป็นเครื่องใช้สอนในร.รจนหมดสภาพแล้วโล๊ะออกมาขายถูกๆก็ได้เพราะเสียงเปียโนมือสองตรงตำแหน่งที่ใช้เล่นมากที่สุดคือเสียงกลางกับเสียงสูง (Middle Section, Treble Section) เสียงออกแหลมเหน่อๆแบบกระด้างๆหมดแล้วเหลือแค่ส่วนที่เป็นเสียงต่ำ (Base Section) เท่านั้นที่ยังพอฟังได้สังเกตได้ว่าผู้เล่นพยายามกดคีร์เสียงต่ำให้ฟังบ่อยๆเพื่อเป็นการกลบเสียงกลางกับเสียงสูงที่ห่วยๆให้ได้ยินน้อยที่สุด แต่หลอกผมไม่ได้หรอกครับนี่ถ้าให้ผมตีสภาพเป็นเปอร์เซ็นน่าจะดีกว่า Grade C หน่อยนึงคือให้ Grade B สภาพ 71 % เท่านั้น ถ้าใครคิดว่าเปียโนมือสอง Recondition จากนอกดีจริงเครื่องช้ำๆแบบนี้ Recondition กลับมาต้องให้ได้เสียงและสัมผัสประมาณนี้ลองฟังเสียงดูครับผมถึงจะยอมรับว่าเปียโนมือสองหลังนี้ Recondition จากนอกใช้ได้ครับ ฉะนั้นอย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าถ้าตัวเปียโนมือสองบางหลังที่สภาพซาวบอร์ดไม่ค่อยดีแล้วก็ยากที่จะเอามา Recycle, Rebuild, Recondition, Regulation, Repair, Re...ใช้ชื่ออะไรหรูๆจากที่ไหน(เพื่อแหกตาลูกค้า)ก็แล้วแต่ก็ไม่สามารถเอาเสียงและสัมผัสของมันกลับคืนมาอย่างเดิมได้ นี่ขนาดเปียโนมือสอง Reconditioned จากนอกเลยนะครับ นั่งหลับตาฟังเสียงที่แรกคิดว่ากำลังตีขิม, ดีดจะเข้อยู่อ่ะ...ฮ่าาา...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า.

         การเลือกเปียโนมือสองที่ดีดูเหมือนง่าย(บางคนให้อ.ที่สอนอยู่เลือกให้ก็จบ)แต่ถ้าดูกันจริงๆแล้วยากมากครับผมกล้าพูดเลยว่าครูเปียโนด้อยประสบการณ์บางท่านเลือกไม่ได้ อย่าลืมนะครับว่าของมือสองคือของที่มันใช้แล้วต้องดูสภาพสินค้าว่าเจ้าของเดิมเขาใช้มาอย่างไรยิ่งเป็นเปียโนมือสองต้องเอาคุณภาพเสียงและสัมผัสตามหลักวิชาการเป็นหลักก่อนเรื่องอื่นว่ากันทีหลัง ถึงแม้จะมีราคาสูงหน่อยประกันปีเดียวจูนฟรีแค่ 3 ครั้งก็คุ้มค่าครับ ถ้าเลือกไม่เป็นผมยินดีบริการให้ครับไม่ต้องไปเสียค่าน้ำมันไปดูตามโชว์รูมหรอกครับ บางแห่งตอนจะขายพูดอย่างขายไปแล้วเป็นอีกอย่าง โน้นตัวอย่างมี YAMAHA MX100MR '1989-1990' เจ้าของเปียโนโดนฟันไปสองแสนห้าบอกประกัน 3 ปีพอจะขอใช้บริการโทรไปแจ้งก็บอกว่าจะโทรกลับมาแล้วก็เงียบครับ! (พอดีผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเพราะต้องไปดูสภาพเครื่อง)รออยู่นานก็ไม่โทรกลับมาซักทีเจ้าของเปียโนก็เลยโทรไปแจ้งอีกก็พูดอย่างเดิมอีกหลายครั้งเข้ากว่ามันจะโทรกลับมา กว่าจะคุยกันรู้เรื่องตกลงต้องเสียค่าซ่อมบวกค่ารถช่างเข้าไปอีกต่างหากอ้างว่าบ้านอยู่ไกลโดยพูดแบบกำปั้นทุบดินไปเลยว่าที่ประกัน 3 ปีเป็นประกันจูน(มีอย่างงี้ด้วย)ถ้ามีอย่างอื่นเสียต้องจ่ายค่าซ่อมต่างหาก(ไรฟ่ะ! นี่ถ้าไม่ได้ยินเขาคุยกันกะหูคงไม่เชื่อ) เจ้าของเปียโนรายนี้เลยเสียความรู้สึกอย่างแรงก็มาฝากผมขายทิ้งถูกๆคุณอยากเป็นรายต่อไปไม๊? ที่จะต้องเจอกับร้านเปียโนมือสองแบบนี้ ถ้าไม่อยากเจอให้ผมจัดให้หมดปัญหาครับ.

         ใช้ว่าจะมีแต่เปียโนมือสองแบบขยะเน่าๆกับเปียโนมือสองห่วยๆ Recondition จากนอกที่เกลื่อนเมืองไทยอยู่ตอนนี้อย่างเดียว ยังมีเปียโนมือสองอีกประเภทหนึ่งนำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพดี 70-80% อายุการใช้งานน้อยไม่ช้ำมากอยู่ในกลุ่มเปียโนมือสอง Grade B เมื่อนำมา Recondition และทำ Regulate ใหม่จะให้คุณภาพเสียงที่ดีมากแทบไม่ต่างจากเปียโนใหม่ดีไม่ดีเสียงไพเราะกว่าด้วยเพราะตัวที่ให้เสียงดังกังวาล (Soundboard) เข้าที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่มีการนำเข้าเปียโนมือสองชนิดนี้ไม่มากนักมีเพียงบางร้านเท่านั้นที่กล้านำเข้ามาเพราะมีราคาพอสมควร(แต่ก็ยังถูกกว่าของใหม่มาก)มีการรับประกันและจูนฟรีที่เหมาะสม ท่านที่ต้องการเปียโนมือสองแบบซื้อที่เดียวจบ อันนี้ขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อแบบ Grade B จะดีที่สุดถ้าสนใจผมจัดหาให้ได้ครับ ส่วนเปียโนมือสอง Grade A ที่ถือว่าเป็นสุดยอดเปียโนมือสองที่ดีที่สุด ถ้าอยากได้ต้องคอยเข้ามาเช็คที่เว็บไซต์นี้บ่อยๆนะครับเพราะนานน๊านนน...จะมีผู้ปกครองเอามาฝากขายซักหลังนึง.

         ที่จริงแล้วอายุการใช้งานของเปียโนไม่ใช่แค่ 5 ปี, 10 ปี, 25 ปีอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เปียโนบางหลังที่ถูกเก็บรักษาอย่างดีอายุการใช้งานมากกว่านั้นตัวอย่างเช่นหลังนี้ ลองฟังเสียงดูครับ อายุร้อยกว่าปีฟังเสียงแล้วจะทึ่ง คน Test เขาเล่นให้ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน(ไม่ใช่เล่นแบบกลัวเครื่องเจ็บเหมือนเปียโนมือสองห่วยๆ Recondition จากนอก) เชื่อได้ว่าคนที่ผลิตเปียโนหลังนี้คงไม่อยู่แล้วแต่เปียโนหลังนี้ยังคำรามกึกก้องอยู่ ต้อง Professional เลือกให้เท่านั้นถึงจะได้ของดีนะครับ ใครที่ติดแต่ความเชื่อที่งมงาย, ติดแต่รูปลักษณ์ภายนอกสวยๆ, ติดแต่ Serial Number หลายๆล้าน, ติดแต่เชื่อครู(ด้อยประสบการณ์บางท่าน), ติดแต่จะเอาราคาถูกๆ, ติดแต่เรื่องของแถมมากๆ, ติดแต่จะเอาประกันหลายๆปี, ติดแต่จะเอาจูนฟรีหลายๆครั้งอย่าหวังจะได้เปียโนดีๆไปเชยชมเลยนะครับ แต่ถ้าจะซื้อเอาแบบไปตั้งโชว์ไม่ต้องเล่นก็อีกเรื่องนึง ฉะนั้นถ้าอยากจะได้เปียโนมือสองดีๆก็ต้องปรึกษากับมืออาชีพครับ อย่างตอนนี้ผมแนะนำให้หลังหนึ่งเจ้าของเขาขายเองลองฟังเสียงดูนะครับ.

         จำไว้ให้ดีนะครับ"ของดีย่อมมีราคา"เปียโนมือสองที่ผมเลือกให้ราคายุติธรรมไม่แพงใช้งานได้อีกนาน รับรองด้วยประสบการณ์การเล่นเปียโนมา 20 กว่าปีไม่ถูกใจยินดีคืนเงินครับ ที่นี่ผมเน้นขายผ่านทางเว็บไซต์ไม่ต้องห่วงเรื่องรับเงินแล้วหนีเพราะโดเมนผมมีที่อยู่แน่นอนตามตัวได้เลย แล้วผมก็ไม่คิดจะทำอย่างนั้นด้วยถ้าไม่เชื่อก็ลองถามลูกค้าที่เคยมาซื้อสินค้ากับผมได้ว่าเป็นอย่างไร รับเงินแล้วหนีหรือเอาของไม่ดีมาให้หรือเปล่า ผมอยู่วงการนี้มาเกือบ 30 ปีตั้งแต่เริ่มเรียนอิเลคโทนกับสยามกลการเมื่อปี 26 จบเมื่อปี 28 เริ่มเล่นเปียโนควบคู่กับอิเลคโทนตั้งแต่ปี 30 จนสามารถสอบเกรดครูได้(Grade 5)ปี 31,แข่งจนได้แชมป์ประเทศไทย,ได้รองแชมป์เอเซียปี 33,สอบเกรดครูได้ถึง Grade 4 ปี 40 ตามลำดับเป็นครูสอนดนตรี, เป็น Demonstrator ระหว่างปี 31-35 สาธิตเครื่องดนตรียามาฮ่ามาเกือบทั่วประเทศและยังรับเล่นดนตรีให้กับฝ่ายจัดแสดงของบริษัทตามงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนกลางคืนอีกด้วย.

         ตลอดชีวิตการเรียนและทำงานของผมๆเล่นแต่เครื่องดนตรียามาฮ่ามาตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้อย่างโชกโชนแบบชนิดว่ากินนอนอยู่กับเครื่องเลยทีเดียวทั้งอิเลคโทนและเปียโนผมมีหนังสือเปียโนเล่มหนึ่งที่ผมซื้อไว้ใช้ฝึกฝนนิ้วมือทั้งสองข้างตั้งแต่ปี 30 ปัจจุบันนี้ผมก็ยังใช้อยู่ดูสภาพเอาก็แล้วกันว่ามันเก๋ากึ้กขนาดไหน(หนังสือรุ่นนี้หาซื้อแทบไม่มีแล้วครับเพราะรุ่นใหม่ๆจะหนาเทอะทะมาก)ถ้าผมจะนับรวมๆเวลาจริงๆตั้งแต่เริ่มเข้าวงการนี้ก็เกือบ 30 ปีนะครับ ผมบอกว่าผมมีประสบการณ์เล่นเปียโนมา 20 กว่าปีผมมีหลักฐานยืนยันประวัติความเป็นมาให้ดูได้ แต่พวกร้านเปียโนขี้ตู่บางร้านที่เห็นคนอื่นเค้าเขียนว่ามีประสบการณ์เปียโนมา 20 กว่าปีตัวเองมีประสบการณ์แค่หางอึ่งก็คุยโม้ว่ามีประสบการณ์เปียโนมา 20 กว่าปีเหมือนกันกลับหาหลักฐานมายืนยันประว้ติความเป็นมาของตัวเองไม่ได้ ซึ่งความจริงในยุคเมื่อ 20 กว่าปีก่อนนั้นในเมืองไทยมีร้านที่นำเข้าเปียโนมือสองจริงๆไม่กี่รัานนะครับนับได้เลยโดยเช็คจากประวัติความเป็นมาของร้านนั้นเหมือนเช็คประวัติความเป็นมาของตัวผมถ้าของแท้จะมีหลักฐานให้ดูครับถ้าคุณเดินเข้าไปในร้านเปียโนบางร้านที่คุยโม้ว่าผมอยู่ในวงการนี้มีประสบการณ์เปียโนมา 20 กว่าปีแล้ว คุณลองย้อนถามเขากลับไปว่า"ขอดูประวัติความเป็นมาของคุณและร้านคุณเรื่องเปียโนหน่อยซิ"...เฮอะๆ..แล้วคุณจะเห็นธาตุแท้ของพวกร้านเปียโนขี้โม้บางร้านเหล่านี้นะครับว่าคุยกันไม่ทันไรก็เริ่มหลอกกันซะแล้ววววว.

         สุดท้ายนี้สรุปว่าการเลือกซื้อเปียโนมือสองต้องนึกถึงคุณภาพของเสียงมาเป็นอันดับ1 คือคุณต้องชอบเสียงของมันก่อนว่าแบบนี้มันใช่เลยสำหรับตัวคุณไม๊(เปียโนที่ดีเมื่อกดที่คีร์ตัวไหนต้องเป็นเสียงโน๊ตตัวนั้นและต้องมีเสียงที่ชัดเจนแบบนุ่มนวลแต่หนักแน่นอย่างมีพลังกังวาลไกลกระจายไปอย่างสม่ำเสมอ) ต่อมาก็สัมผัสเป็นอันดับ2 คือเล่นแล้วชอบใน Touching ของคีร์ที่กดไม๊ ต่อมาค่อยมาคุยกันเรื่องราคาและบริการหลังการขายครับและต้องซื้อกับร้านเปียโนที่เป็นมืออาชีพมีประสบการณ์เรื่องเปียโนจริงๆมานานๆ(หลายๆสิบปีขึ้นไป)เขาจะมีหลักฐานยืนยันประวัติความเป็นมาให้ดูได้อย่างแน่นอนเพราะเปียโนต้องมีการดูแลตลอดอายุการใช้งานครับ ในวงการนี้คุณซื้อเปียโนที่ไหนต้องใช้บริการที่นั้นถ้าคุณเจอร้านเปียโนที่ไม่ดีต้องไปใช้บริการที่ร้านอื่นโดนฟันครับจำเอาไว้...หริอบางร้านแค่เบาะๆพอหมดประกันเท่านั้นเรียกช่างมาจูนเสียงหน่อยโดนฟันค่ารถช่างหัวแบะยังไม่รวมค่าจูนอีกต่างหากครับ ฉะนั้นบทความนี้ผมเขียนด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมการเล่นเปียโนมา 20 กว่าปีเจอตั้งแต่เปียโนใหม่สุด-เก่าสุดจนถึงหมดสภาพทั้งสังเกตและเล่นทดสอบมาโดยตลอดโดยเฉพาะของยามาฮ่าเนี่ยเรียกว่ากินนอนกับเครื่องมาเลยทีเดียว ยังไม่รวมถึงยี้ห้ออื่นๆที่ไปเจอะเจอตามร้านตามบ้านลูกค้าที่เขาให้ไปทดสอบอีกนับไม่ถ้วน หากคุณต้องการเปียโนมือสองที่ดีซักหลังหนึ่งต้องการมืออาชีพเลือกให้โทรมาปรึกษาได้ครับ.